นักซอฟต์แวร์ไทย เจาะตลาดระบบความปลอดภัย "ไบโอเมทริกซ์" "

ตั้งเป้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3 ปี
นักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทย พัฒนาระบบเข้าออกสำนักงานผ่านลายนิ้วมือ-ม่านตา ลบจุดอ่อนของปัญหาความปลอดภัยองค์กรที่มีช่องโหว่จากการใช้รหัสผ่าน (พาสเวิร์ด) หวังเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นใน 3 ปี หลังกองทุนวรรณโดดร่วมหุ้น 10 ล้านบาท

 

นายพลภัทร์ อุดมพล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไอที เวิร์คส์ จำกัด ซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของคนรุ่นใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้นหลัง บลจ. วรรณ เข้ามาร่วมลงทุน 10 ล้านบาท โดยบริษัทจะมุ่งประยุกต์ใช้เทคโนโลยีด้านไบโอเมทริกซ์ ในการพัฒนาระบบยืนยันตัวบุคคลภายในองค์กร (ไอเดนติตี้ แมนเนจเม้นท์) เนื่องจากมองว่าการใช้คอมพิวเตอร์ปัจจุบัน มักประสบปัญหาระบบความปลอดภัย (คอมพิวเตอร์ ซิเคียวริตี้) โดยการใช้รหัสผ่าน (พาสเวิร์ด) เป็นจุดอ่อนที่สุดของผู้ใช้ในองค์กร

 

ล่าสุด บริษัทได้นำเทคโนโลยีไบโอเมทริกซ์ มาใช้พัฒนาระบบการลงเวลาทำงานด้วยลายนิ้วมือบนพีซี แทนระบบตอกบัตรและเครื่องรูดบัตร โดยองค์กรที่นำไปใช้จะมีค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับระบบลงเวลาแบบเดิม ขณะที่ การใช้ลายนิ้วมือจะป้องกันการลงเวลาตอกบัตรหรือรูดบัตรแทนกันได้ 100% ทั้งนี้ ปัจจุบันระบบตอกบัตร จะมีราคาระดับ 20,000 บาทขึ้นไป และต้องเสียค่าทำบัตรใหม่ต่อปี ขณะที่ระบบลงลายนิ้วมือที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการวินโดว์สจะไม่เกิน 20,000 บาท ระบบประมวลผลเร็ว 20,000 นิ้วต่อวินาที มีอัตราผิดพลาดไม่เกิน 100,000 คน ระบบผิดพลาดไม่เกิน 1 คน "คาดว่าในอนาคต 1-2 ปีข้างหน้าจะแพร่หลายมากขึ้น จากราคาที่ปรับลดลง โดยมีการใช้ลายนิ้วมือแทนกดปุ่มแทนกุญแจรถยนต์ การปลดล็อกตู้เซฟ เป็นต้น " นายพลภัทร์ กล่าว

 

ประยุกต์ใช้ในสถานบริการ

พร้อมกันนี้ เขายังมองถึงการประยุกต์ใช้ระบบดังกล่าว สำหรับใช้ในการเข้าออกสถานที่ต่างๆ (แอ็คเซส คอนโทรล) โดยใช้ระบบลายนิ้วมือตรวจสอบ เมื่อต้องการเข้าไปใช้บริการโดยเฉพาะสถานที่ซึ่งรับเฉพาะสมาชิก (เมมเบอร์คลับ) ได้แก่ โรงแรม สนามกอล์ฟ ร้านอาหาร รวมทั้ง เทคโนโลยีใช้ลายนิ้วมือในการเข้ารหัสข้อมูล (Encrypt) เพื่อป้องกันผู้ใช้งานคนอื่นๆ จากการเรียกดู ข้อมูลสำคัญ เช่น อีเมล ข้อมูลการเงิน ข้อมูลในการใช้อินเทอร์เน็ต และไฟล์เอกสารต่างๆ ในระบบคอมพิวเตอร์องค์กรได้ ทางด้านการทำตลาดนั้น จะผ่านช่องทางตัวแทนจำหน่าย หรือดีลเลอร์ เพื่อกระจายฐานลูกค้าให้ครอบคลุม ขณะเดียวกัน ก็จะเสนอการพัฒนาระบบตามความต้องการให้กับองค์กรขนาดใหญ่ เช่น การจัดทำจุดลงเวลาเข้าออก (คีออส) ให้กับรัฐวิสาหกิจบางแห่ง

 

พัฒนาระบบม่านตา-รูปหน้า

นอกจากนี้ บริษัทยังศึกษาความเป็นไปได้ ในการพัฒนาโปรแกรมอ่านลายม่านตาด้วย โดยระบบจะสามารถแยกความแตกต่างระหว่างบุคคลจากเส้นเลือดฝอยรอบดวงตา ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในอีกประมาณ 6 เดือนนี้ แต่ยอมรับว่ายังมีอุปสรรคเรื่องราคาเครื่องอ่าน ที่ยังค่อนข้างสูงถึงกว่า 20,000 บาท ตลอดจนการพัฒนาระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) ที่น่าจะสามารถประยุกต์ใช้ระบบเข้าอาคาร เพื่อดูรูปใบหน้าบุคคลต้องห้ามได้

 

ส่งออกระบบบริหาร บ.ทัวร์

นายพลภัทร์ กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทได้ลงนามสัญญามูลค่า 10 ล้านบาท กับบริษัทนำเที่ยว "แอลทียู" ของเยอรมนี ซึ่งจะนำซอฟต์แวร์บริหารบริษัทนำเที่ยว "Travel Works" ไปใช้ในทุกสาขาทั่วโลก หลังจากใช้ในสำนักงาน ที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรก "แม้จะดูเหมือนว่ามูลค่าของไลเซ่นจะไม่สูงนัก แต่บริษัทจะได้รับรายได้จากค่าบริการติดตั้ง และบำรุงรักษาระบบ ซึ่งจะมีมูลค่าสูงกว่าไลเซ่นด้วย " นายพลภัทร์ กล่าว

 

สำหรับระบบดังกล่าว จะสนับสนุนการจองสายการบิน และห้องพักแบบอัตโนมัติ โดยซอฟต์แวร์ของบริษัทจะเชื่อมโยงกับระบบของบริษัท กาลิเลโอ ซึ่งให้บริการรับจองบัตรโดยสารเครื่องบินออนไลน์ พร้อมออกตั๋วและตัดเงินได้ทันที "เป้าหมายระยะยาวแล้ว คาดว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย จะใช้เวลา 3 ปีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย " นายพลภัทร์ กล่าวทิ้งท้าย

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 14 ตุลาคม 2546

 

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.