ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมชิพ ประกาศความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีครั้งใหม่ ตามทฤษฎีมัวร์ เผยสามารถลดขนาดทรานซิสเตอร์ได้ 30% เปิดทางเพิ่มประสิทธิภาพ การประมวลผล ในชิพขนาดมาตรฐาน ขณะที่ใช้เทคนิคควบคุมการใช้พลังงาน หวังลดอัตราการปล่อยความร้อน เล็งเปิดตัวปีหน้า

สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า บริษัท อินเทล คอร์ป. ประสบความสำเร็จในการพัฒนาชิพความจำ ให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดของชิพ โดยความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถือเป็นการลบข้อกล่าวหาที่ว่า ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมชิพ กำลังประสบกับข้อจำกัด ด้านพัฒนาการทางเทคนิค อินเทลสามารถลดขนาดทรานซิสเตอร์ลงได้ราว 30% ส่งผลให้สามารถบรรจุทรานซิสเตอร์จำนวนเพิ่มมากขึ้น ลงบนชิพตัวเดียวได้ โดยที่เทคนิคดังกล่าว จะช่วยให้ชิพขนาดมาตรฐาน มีกำลังประมวลผลสูงขึ้น และสามารถผลิตคอมพิวเตอร์ ที่มีฟังก์ชันการทำงานสูงขึ้น โดยบริษัทคาดการณ์ว่า จะสามารถวางจำหน่ายชิพรุ่นใหม่ ได้ในช่วงปีหน้า

ด้านนักวิเคราะห์ ให้ความเห็นว่า ความก้าวหน้าครั้งนี้ ช่วยยืนยันข้อสันนิษฐานของทฤษฎีมัวร์ (Moore's Law) ซึ่งอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ได้ยึดเป็นแนวทางปฏิบัติมาตลอดช่วง 40 ปีที่ผ่านมา โดยนายกอร์ดอน มัวร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทอินเทล ทำนายไว้ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 ว่า จำนวนทรานซิสเตอร์บนชิพ รวมทั้งกำลังประมวลผล จะเพิ่มขึ้นราว 2 เท่า ทุกๆ 2 ปี "นี่คือหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า ทฤษฎีของมัวร์ ยังคงเป็นจริง" นายมาร์ค บอห์ร ผู้อำนวยการฝ่ายสถาปัตยกรรมและการรวมกระบวนการ ของอินเทลกล่าว

ทั้งนี้ อินเทลและบริษัทคู่แข่งอื่นๆ ได้พยายามหาวิธีเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์ ลงบนเซมิคอนดัคเตอร์แต่ละตัว ให้ได้มากขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์ยังไม่เชื่อมั่นว่า ผู้ผลิตจะสามารถรักษาระดับความก้าวหน้า ของเทคโนโลยีชิพ ได้ตามที่ทฤษฎีมัวร์ระบุไว้ ตัวแทนอินเทล เผยว่า ชิพดังกล่าว อาศัยเทคนิคการควบคุมอัตราการบริโภคพลังงาน ของชิ้นส่วนต่างๆ ในชิพ ขณะที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งเป็นการช่วยลดการปล่อยอุณหภูมิความร้อนออกมาได้ ขณะที่เทคโนโลยีตัวล่าสุด ยังช่วยให้อินเทล แซงหน้าบริษัท เอเอ็มดี คู่ปรับยักษ์ใหญ่ ในด้านเทคโนโลยีชิพได้ ด้านแหล่งข่าว กล่าวว่า เอเอ็มดี ได้หันไปจับมือกับไอบีเอ็ม เพื่อพัฒนาโรงงานชิพแห่งใหม่ ในเมืองเดรสเดนด้วย

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 1 กันยายน 2547