ยักษ์ "อินเทล-LG-ซัมซุง" เข้าวิน แบ่งเค้กโปรเจ็กต์ "ไอซีที" 2 พันล.

ค่ายยักษ์ "อินเทล-แอลจี-ซัมซุง" ดัมพ์ราคาคว้าโปรเจ็กต์คอมฯไอซีทีปี 2 "เอทีซีเอ็ม" แฮปปี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างชาติยอมตัดราคาสนับสนุนโครงการรัฐบาล ชี้ขอเวลาหารือ "หมอเลี้ยบ" เพื่อเคาะราคาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แจงถ้าภาครัฐมีงบประมาณสนับสนุนการรับซื้อเครื่องเก่าจะช่วยทำราคาได้ดียิ่งขึ้น ยอมรับสะดุดปัญหา ล่าช้ากว่ากำหนดขอเลื่อนเปิดโครงการเป็น 12 มี.. 2547

นายพลากร จิรโสภณ โฆษกสมาคมอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในการดำเนินการคัดเลือผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิว เตอร์สำหรับโครงการคอมพิวเตอร์ไอซีที หลังจากที่ประกาศให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนเสนอราคาเข้ามาอีกรอบเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ขณะนี้ได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้วโดยใช้ซีพียูของอินเทล เพนเทียมโฟร์ 2.4 จิกะเฮิรตซ์, จอขนาด 17 นิ้วของ "แอลจี", ฮาร์ดดิสก์ ความจุ 40 จิกะไบต์ของ "ซัมซุง", หน่วยความจำ (แรม) 256 เมกะไบต์ของอาปาเซอร์จากไต้หวัน และเมนบอร์ดของอีซีเอส ประเทศไต้หวัน

ในการเสนอราคาครั้งใหม่นี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ได้รับคัดเลือก เสนอราคามาใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ทางกระทรวงไอซีทีวางไว้ ซึ่งทั้งหมดเป็นการเสนอเข้ามาโดยตรงจากบริษัทแม่ ทำให้สามารถทำราคาได้เป็นที่พึ่งพอใจโดยทางสมาคมจะนำเสนอข้อมูลราคาให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีพิจารณาอีกครั้ง

นายพลากรกล่าวว่า เดิมนั้นมีแนวคิดที่จะคัดเอาซัพพลายเออร์แต่ละชิ้นส่วน 2 รายเพื่อไม่ให้มีปัญหาในเรื่องการส่งมอบ แต่เนื่องจากมีการเจรจาต่อรองด้านราคามากทำให้ต้องมีเรื่องวอลุ่มเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งหากมีการแบ่งให้ซัพพลายเออร์ 2 รายก็จะทำให้ไม่ได้ราคาตามที่ต้องการ อย่างไรก็ตามทางผู้ผลิตทุกรายยืนยันว่าจะสามารถส่งมอบสินค้าได้ทันตามกำหนด

ทั้งนี้ การเจรจาตกลงเงื่อนไขการซื้อชิ้นส่วนครั้งนี้อยู่ที่จำนวน 100,000 ยูนิตเท่านั้น เนื่องจากทางผู้ประกอบการได้ประชุมหารือกับทางไอซีทีแล้วเกรงว่าจะไม่สามารถทำได้ถึง 200,000 ยูนิตตามที่ทางไอซีทีต้องการจึงได้หารือและปรับลดขนาดลงมาอยู่ที่ 1 แสนยูนิต คาดว่าจะทำให้มีเงินหมุนเวียนเกือบ 2,000 ล้านบาท

"เนื่องจากครั้งนี้เป็นโปรเจ็กต์การแลกซื้อเครื่องเก่า (trade in) และในช่วงระยะเวลาประมาณ 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งหากมีการเจรจาตกลงสั่งซื้อกันที่ 2แสนยูนิต แต่ถึงเวลาทำไม่ได้ตามเป้า สั่งออร์เดอร์ไปแค่แสนเดียวก็จะทำให้มีปัญหากับทางผู้ผลิตชิ้นส่วน ดังนั้นจึงได้ตัดสินใจตกลงราคากันที่ 1 แสนยูนิตก่อน" นายพลากรกล่าวและว่า

ขณะนี้ยังประกาศราคาที่ชัดเจนไม่ได้เพราะจะต้องนำข้อมูลในส่วนของเอทีซีเอ็มซึ่งเป็นต้นทุนของการผลิตเครื่องไอซีที ซึ่งจะต้องนำไปประเมินร่วมกับในส่วนของต้นทุนราคาเครื่องเก่าว่าจะออกมาอย่างไร เพราะถ้าทางกระทรวงสามารถหางบประมาณมาสนับสนุนในส่วนของเครื่องคอมพิว เตอร์ที่เทรดอินเข้ามาก็จะทำให้ราคาที่ออกมานั้นลดลงไปได้อีก

นายพลากรกล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากขั้นตอนกระบวนการคัดเลือกผู้ผลิตชิ้นส่วนมีความล่าช้าออกไป ดังนั้นจึงอาจจะต้องเลื่อนการเปิดโครงการออกไปเล็กน้อย ซึ่งจะเสนอรัฐมนตรีขอเลื่อนการเปิดโครงการจากวันที่ 5 มีนาคม เป็น 12 มีนาคม 2547 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เนื่องจากจะต้องใช้ระยะเวลาในการสั่งชิ้นส่วนเข้ามาเพื่อเตรียมการผลิต

สำหรับโครงการคอมพิวเตอร์ไอซีทีในปีที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 132,942 ราย ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติได้ทำการสำรวจและประมวลความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศในการซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ไอซีทีจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนที่ตอบแบบสอบถามกลับมาทั้งสิ้น 48,578 คน พบว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทำงานประเภทหน่วยงาน/ลูกจ้างเอกชนและข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ

โดยวัตถุประสงค์ในการซื้อก็เพื่อสนับสนุนการเรียนของบุตรหลานในการศึกษาค้นคว้าคิดเป็นร้อยละ 76.0 เพื่อสนับสนุนในการทำงานคิดเป็นร้อยละ 19.6 ส่วนที่เหลือเพื่อใช้งานในกิจการธุรกิจและเพื่อความบันเทิงคิดเป็นร้อยละ 3.41 และ 1.0 ตามลำดับ

นอกจากนี้ ได้สำรวจความต้องการซื้อในอนาคต ปรากฏว่าผู้ซื้อคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 34.4 ระบุว่าไม่ต้องการซื้อเพิ่ม, ร้อยละ 20.2 ต้องการซื้อเพิ่ม และร้อยละ 45.4 ยังไม่แน่ใจ

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.