ตั้งบริษัทบริหารสัมปทานผิดกม. เอกชนฝันสลายเสียบแปรสัญญา

'คมนาคม' เปลี่ยนแผนควบรวม กสท.-ทศท. ดึงสัญญาสัมปทานคงอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยธุรกิจ กสท.และ ทศท.ตามเดิม เหตุคณะทำงานศึกษาตั้ง 'บริษัทกลาง' บริหารสัมปทานสะดุดข้อกฎหมายเพียบ กฤษฎีกายืนยันทำไม่ได้ต้องรอ กทช. ชี้ขัดกฎหมายองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ม.80

นายศรีสุข จันทรางศุ ปลัดกระทรวงคมนาคม และในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกิจการร่วมค้า การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) และองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) กล่าวภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการได้เห็นชอบโครงสร้างหลังการควบรวมว่าจะประกอบด้วย 2 บริษัท คือ 1.บริษัท ไทย เทเลคอม จำกัด ซึ่งแบ่งเป็น 2 หน่วยงานธุรกิจ (business unit) คือ หน่วยธุรกิจ ทศท. และหน่วยธุรกิจ กสท. และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยแต่ละหน่วยธุรกิจจะมีกรรมการผู้จัดการเป็นผู้รับผิดชอบ และยังคงสิทธิและหน้าที่ในการดำเนินกิจการและสัญญาสัมปทานกิจการร่วมการงานโทรคมนาคมของแต่ละหน่วยงาน ทั้งในส่วนของสินทรัพย์และโครงข่ายตามเดิม

'เมื่อรวมกิจการแล้ว สัญญาร่วมการงานฯของแต่ละฝ่ายจะยังคงอยู่กับคู่สัญญา และจะต้องปฏิบัติตามสัญญาเช่นเดิม ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้หารือกับสำนักงานกฤษฎีกาในเรื่องสิทธิสัญญาตามเดิมของแต่ละหน่วยธุรกิจที่อยู่ภายใต้บริษัทไทย เทเลคอมแล้ว ซึ่งในเบื้องต้นไม่น่ามีปัญหา' นายศรีสุขกล่าว ด้านนายสุธรรม มลิลา ผู้อำนวยการ ทศท.กล่าวเสริมว่า ทศท.และ กสท.จะยังคงสิทธิและประโยชน์ตามทรัพย์สินที่มีอยู่ในธุรกิจสัญญาร่วมการงานฯเช่นเดิม รวมทั้งการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนในเรื่องค่าเชื่อมวงจร (access charge) ที่จะต้องถือปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้ร่วมกัน แม้ว่าจะเป็นนิติบุคคลเดียวกันภายหลังรวมกิจการก็ตาม

สำหรับแนวทางการตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (asset company) เป็นแนวความคิดของกระทรวงการคลังที่ต้องการแยกสินทรัพย์และธุรกิจสัญญาร่วมการงานฯออกมาบริหารจัดการต่างหาก ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังยังคงดำเนินการศึกษาเรื่องนี้อยู่ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ขณะที่นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ผู้อำนวยการสำนักรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้คณะทำงานด้านกฎหมายของกระทรวงการคลังยังคงศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ของ 2 หน่วยงาน ซึ่งในเบื้องต้นพบว่ามีปัญหาในข้อกฎหมายบางฉบับที่อาจจะขัดต่อการจัดตั้งบริษัทดังกล่าว

นายชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกากล่าวว่า แนวคิดการตั้งบริษัทบริหารสัมปทานขึ้นมาดูแลสัญญาสัมปทานของ กสท. และ ทศท.นั้นไม่สามารถทำได้ เนื่องจากผิดต่อมาตรา 80 และมาตรา 53 ในกฎหมายองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม 2543 ซึ่งหากประสงค์จะโอนย้ายสัญญาสัมปทานไปให้บริษัทบริหารสัมปทานเป็นผู้ดูแล จะต้องรอให้เกิดการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เสียก่อนจึงจะสามารถกระทำได้ ทั้งนี้ในกรณีที่ยังไม่มีการจัดตั้ง กทช. แต่ ทศท. และ กสท. มีความประสงค์จะควบรวมกิจการ โดยสัญญาสัมปทานยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทั้งสององค์กรเช่นเดิม การควบรวมก็สามารถทำได้

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวเสริมว่า จากข้อสรุปในการหารือระหว่างคณะทำงานศึกษาด้านกฎหมายในการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ พบว่า มีข้อกฎหมายตาม พ...การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ..2544 บทเฉพาะกาลมาตรา 79 และ 80 ที่เป็นปัญหาอยู่ จึงทำให้การจัดตั้งบริษัทดังกล่าวยังไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้ ทางคณะกรรมการบริการกิจการร่วมค้าจึงได้มีมติให้สัญญาสัมปทานอยู่ภายใต้หน่วยธุรกิจ ทศท.และ กสท.ตามเดิม เนื่องจากมาตรา 80 ระบุว่า ถ้า ทศท.และ กสท.ได้ให้อนุญาตสัมปทานหรือสัญญาแก่ผู้ใดเป็นผู้ประกอบการก่อนที่กฎหมายบังคับใช้ ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตยังคงมีสิทธิประกอบกิจการตามเดิม หากจะมีการเปลี่ยนการอนุญาตสัญญาสัมปทาน จะต้องให้ กทช.เป็นผู้อนุญาต

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 1 เมษายน 2545

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.