"เทคโนโลยี" ปัจจัยขับธุรกิจคอนเท้นท์ สร้างรายได้ใหม่

สุจิตร ลีสงวนสุข
การหลอมรวมเทคโนโลยี หรือเทคโนโลยี คอนเวอร์เจนซ์ ทำให้สื่อ หรือมีเดียที่มีอยู่คาบเกี่ยว และทับซ้อนกันมากขึ้น โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดขึ้นก็คือ การสื่อแพร่ภาพกระจายเสียง หรือบรอดคาสติ้ง ที่เริ่มขยายสายธุรกิจมานำเสนอบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ในลักษณะวิดีโอ สตรีมมิ่ง รวมถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านระบบจีพีอาร์เอส (General Packet Radio Service) และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา หรือพีดีเอ (Personal Digital Assistant) สิ่งสำคัญของสื่อเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องรับโทรทัศน์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา ทั้งหมดเป็นเพียง "ตัวกลาง" หรือสื่อที่จะให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงข้อมูล, บริการ (คอนเท้นท์) ดังนั้นการมีอุปกรณ์ใหม่ๆ จากการพัฒนาเทคโนโลยีนี้เอง ที่จะรองรับเนื้อหาไปสู่ผู้บริโภคได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น นำไปสู่การสร้างรายได้ใหม่ให้กับเจ้าของเนื้อหา หรือผู้พัฒนาคอนเท้นท์

 

โดยล่าสุด บริษัท ยูไนเต็ด บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือยูบีซี ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเคเบิลทีวี และอยู่ในกลุ่มของบริษัท เทเลคอมเอเซีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานโครงการโทรศัพท์พื้นฐาน 2.5 ล้านเลขหมาย ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็กำลังอาศัยศักยภาพของเทคโนโลยีด้านการให้บริการด้านสื่อ และสื่อสารของกลุ่ม มาหนุนโอกาสทำรายได้จากคอนเวอร์เจนซ์ เทคโนโลยี นายฟรังซัว เธอรอน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายปฏิบัติการ หรือซีโอโอ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาหารูปแบบธุรกิจและคัดเลือกเนื้อหารายการที่มีอยู่เพื่อนำเสนอไปในอุปกรณ์ใหม่ๆ (มัลติดีไวซ์) ที่มีอยู่ในตลาด โดยยังคงความชำนาญในธุรกิจหลัก ด้านเนื้อหา ทั้งการจัดแพ็คเกจ การสร้างสรรค์ผลิตรายการ การจัดหา (ซอร์ซซิ่ง) การนำเสนอเนื้อหาไปในสื่อใหม่ๆ นั้น ต้องใช้เงินลงทุนเทคโนโลยี เพื่อให้สามารถทำเนื้อหาตอบสนองเฉพาะความต้องการ เป็น Re-purpose Content ซึ่งบริษัทเองกำลังเจรจากับพันธมิตรหลายรายเพื่อหาราคา และรูปแบบให้บริการที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง โดยต้องตอบสนองความต้องการผู้บริโภคใช้งานง่าย และราคาที่เหมาะสม

 

ขณะที่ นายองอาจ ประภากมล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและขาย บริษัทเดียวกัน กล่าวว่า ในเบื้องต้นนี้ บริษัทเริ่มทดลองจากบริการส่งข้อความขนาดสั้น หรือเอสเอ็มเอสก่อน ภายใต้บริการใหม่ "My UBC" ที่ได้ลงทุนระบบกว่า 1 ล้านบาท ที่นำเสนอบริการที่ตอบสนองความต้องการลูกค้าเฉพาะบุคคล ประกอบด้วย บริการ My Schedule ให้สมาชิกกำหนดรายการโปรด 5 ช่องรายการ เพื่อวางแผนการรับชม โดยสามารถใช้บริการแจ้งเตือน (อะเลิร์ท) ผ่านอี-เมล์ หรือเอสเอ็มเอสของโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยเริ่มจากระบบของทีเอ ออเร้นจ์ และจะขยายไปครอบคลุมอีก 2 ผู้ให้บริการ ในเดือนตุลาคม นี้ รวมทั้งมีบริการ Score On Screen แจ้งผลบอลกีฬาฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก กัลโซ่ เซเรียอา และบุนเดสลีกา ซึ่งจะให้บริการทั้งกับสมาชิก และบุคลากรภายนอกที่ลงทะเบียนใช้บริการผ่านเวบ www.ubctv.com รวมทั้ง ในอนาคตหากเทคโนโลยีพร้อม ก็อาจเลือกบางช็อตของการยิงประตูมานำเสนอด้วย จากนั้นก็ขยายผลไปยังเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ของบริษัท เทเลคอมเอเซีย จำกัด (มหาชน) โดยเป็นหนึ่งใน 10 พันธมิตรของทีเอในโครงการ บรอดแบนด์นี้ ซึ่งได้ทดลองนำรายการข่าวช่องยูบีซี 7 มานำเสนอผ่านเวบไซต์ www.tabroadband.com

 

ยกดิสคัฟเวอรี่ขึ้นเน็ต

สำหรับเนื้อหาที่คาดว่าจะนำมาเสนอ และคิดค่าบริการในเชิงพาณิชย์นั้น จะเริ่มจากสารคดีช่อง "ดิสคัฟเวอรี่ แชนนัล" เป็นสารคดีขนาดสั้นความยาว 30-60 นาที เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เจาะกลุ่มเด็ก ทางด้านสื่ออื่นๆ ที่จะขยายผลไปนั้น บริษัทก็ได้เป็นหนึ่งในพันธมิตรผู้ก่อตั้งโครงการมัลติ แอ็คเซส พอร์ทัล (MAP) ของทีเอด้วยเช่นกัน ซึ่งจะสร้างมาตรฐานเนื้อหาให้สามารถนำเสนอไปในอุปกรณ์ปลายทางที่หลากหลายได้นั่นเอง ซึ่งทีเอ ออเร้นจ์ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ก็มีแผนเปิดให้บริการจีพีอาร์เอส ในปีหน้า และเป็นหนึ่งในพันธมิตรโครงการนี้

 

ประเด็นที่ท้าทาย

นายเธอรอน กล่าวว่า นอกจากประเด็นการหารูปแบบธุรกิจแล้ว ยังมีประเด็นทางกฎหมายโดยเฉพาะด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศ โดยรายการที่บริษัทจัดหามาจากต่างประเทศนั้น จะต้องคิดราคาค่าเนื้อหาที่เพิ่มสูงด้วย ดังนั้นหากบริษัทนำเนื้อหารายการที่มีไปกระจายในช่องทางใหม่ โดยเฉพาะเพลงและภาพยนตร์ ซึ่งก็มีอัตราสากลที่คิดค่าลิขสิทธิ์ตามลักษณะสื่อที่เผยแพร่ด้วย เช่น ภาพยนตร์ อัตราค่าลิขสิทธิ์ เผยแพร่ในโรงภาพยนตร์ การทำแผ่นดีวีดี/วิดีโอเทป และการนำมาฉายตามฟรีทีวี ก็จะมีอัตราที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ปัจจุบันมีเครื่องบันทึกภาพดิจิทัล (PVR: Personal Video Recorder) ที่ใช้ฮาร์ดดิสก์ความจุ 60 กิกะไบต์ในเครื่อง ทำให้ผู้ชมสามารถเลือกดาวน์โหลดภาพยนตร์ที่ชอบและเลือกดูได้ตามเวลาที่ต้องการ ซึ่งจะสามารถคิดค่าบริการตามจำนวนที่บันทึกได้

 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเจ้าของเนื้อหา กำลังกังวลว่าการบันทึกภาพยนตร์เองเฉพาะบุคคลในเครื่องพีวีอาร์ จะเป็นช่องทางกระจายไปจำหน่ายเชิงพาณิชย์ต่อไป ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์เอง กำลังคิดค้นเทคโนโลยีที่ทำให้ข้อมูลซึ่งบันทึกไว้ทำลายตัวเองตามเวลาที่กำหนด เพื่อลดปัญหาการละเมิด "แม้เราอาจมีช่องทางรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสื่อใหม่ แต่ก็ยังคงมีต้นทุนจากค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นด้วย" นายเธอรอนกล่าว สำหรับในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า บริษัทจะมีรายได้จากบริการเสริมใหม่ๆ ไปยังลูกค้าผ่านสื่อต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามสัดส่วนรายได้มากกว่าร้อยละ 90 จะมาจากรายได้จากค่าสมัครสมาชิก ซึ่งฐานสมาชิกปัจจุบัน 420,000 ครัวเรือน และถึงสิ้นปีจะอยู่ที่ 460,000 ครัวเรือน

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 สิงหาคม 2545

 

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.