กรมการปกครอง ฝัน ปี 46 ดันไทยสู่ยุค "อี-ซิติเซน" เต็มตัว

ตั้ง 10 คณะอนุกรรมการ จัดการประสานงาน เชื่อมระบบรัฐมูลรัฐเข้าถึงกัน
สำนักบริหารการทะเบียน ขอเวลา 6 ปี ดันโครงการอี-ซิติเซน เป็นรูปธรรม มั่นใจความพร้อมเลขประจำตัวประชาชน รวมถึงฐานทะเบียนราษฎรที่มี หนุนต่อยอดบริการประชาชนได้เต็มรูปแบบ ทั้งเร่งรวมระบบงานภาครัฐเข้าหาถึงกัน เพื่อปรับสู่บริการ ณ จุดเดียว โดยประชาชนไม่ต้องถือบัตร แต่จำเลข 13 หลักได้ ก็สามารถรับบริการจากรัฐได้ นายสุรชัย ศรีสารคาม ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กล่าวภายหลังการอภิปรายหัวข้อ "คนไทยกับไอที รัฐบาลนี้กำลังทำอะไร" ที่จัดโดย ชมรมนักข่าวสายเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอทีพีซี) วานนี้ ( 26 มิ..) ว่า มีเป้าหมายดำเนินงานโครงการอี-ซิติเซน ซึ่งจะเป็นบริการประชาชนด้านอิเล็กทรอนิกส์ ให้แล้วเสร็จภายใน 6 ปีข้างหน้า

 

โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 7..ที่ผ่านมา แต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการ และปฏิรูประบบการทะเบียนแห่งชาติขึ้น แทนคณะกรรมการจัดทำเลขประจำตัวประชาชน ทั้งนี้ การตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ เพื่อขยายการให้บริการด้านการทะเบียน และบัตรแก่ประชาชน ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ให้กว้างขวาง และทั่วถึงขึ้น โดยต้องแลกเปลี่ยนใช้ประโยชน์จากข้อมูลพื้นฐานร่วมกัน ของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ทั้งให้มีประโยชน์ในการวางแผนกำหนดนโยบาย และแผนงานเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูลการทะเบียน ของหน่วยงานต่างๆ อย่างเป็นระบบ ลดความซ้ำซ้อน และประหยัดค่าใช้จ่าย สำหรับคณะกรรมการดังกล่าว มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน อธิบดีกรมการปกครองเป็นเลขานุการ และผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ รวมทั้งจะแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอีก 10 คณะ เพื่อมาดำเนินการด้านต่างๆ เช่น คณะอนุกรรมการด้านการร่างนโยบาย และกลั่นกรองโครงการ คณะอนุกรรมการด้านการเชื่อมโยง และแลกเปลี่ยนข้อมูล คณะอนุกรรมการด้านการปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบ คณะอนุกรรมการด้านการตรวจสอบการใช้ข้อมูลการทะเบียน และคุ้มครองการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล เป็นต้น

 

ของบ 800 ล้านหนุน

สำหรับการดำเนินการระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องรวบรวมฐานข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน ได้แก่ ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร ฐานข้อมูลประกันสังคม ฐานข้อมูลขนส่ง ฐานข้อมูล ส..9 และหนังสือเดินทาง เป็นต้น เพื่อให้มีฐานข้อมูลกลางให้บริการประชาชน ณ จุดเดียว ไม่มีวันหยุดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งไม่ว่าประชาชนจะอยู่ที่ไหนในประเทศ จะขอรับบริการ ณ จุดบริการทั่วประเทศได้  อย่างไรก็ตาม การทำอี-ซิติเซนให้เกิดได้ ต้องทำระบบพื้นฐานคือ ระบบข้อมูลทะเบียนราษฎร และบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ให้แล้วเสร็จ โดยให้บริการยังสำนักงานบริการ ที่สามารถให้บริการระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ครบ 1,077 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งต้องขยายบริการเพิ่มอีก 572 แห่ง จากที่มีอยู่ปัจจุบัน 505 แห่งแล้ว ทั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณดำเนินการรวมกันราว 800 ล้านบาทเศษ ซึ่งงบจำนวนดังกล่าวจะแบ่งเป็นการจัดการระบบทะเบียนราษฎร 600 ล้านบาท และที่เหลือเป็นข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน โดยหากทำระบบอิเล็กทรอนิกส์ครบวงจรแล้วเสร็จ ผลสุดท้ายแล้วแม้ประชาชนไม่ถือบัตรประจำตัวใดๆ เลย ก็จะสามารถรับบริการของสำนักบริการทุกแห่งได้ เพียงใช้หมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักเท่านั้น

 

ขณะที่ ด้านการดำเนินโครงการอี-ซิติเซน จะต้องมีขั้นตอนต่อไปนี้ คือ รอคณะรัฐมนตรีอนุมัติในรายละเอียดอีก 1 รอบ จากก่อนหน้านี้ได้อนุมัติหลักการไปแล้วครั้งหนึ่ง จากนั้นต้องเสนอสำนักงบประมาณเพื่อขออนุมัติงบ หาราคากลางเพื่อจัดหาระบบติดตั้งและส่งมอบ นอกจากนี้ สำนักบริหารการทะเบียน ยังมีแผนจะเปิดให้ใช้บริการระบบความปลอดภัยแบบกุญแจคู่ (พีเคไอ) เพื่อประโยชน์ในการส่งข้อความอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอี-เมล์ ซึ่งจะใช้ยืนยันตัวตน และความถูกต้องของข้อมูลที่ส่งระหว่างกันได้ โดยสำนักบริหารการทะเบียน ทำหน้าที่เป็นเสมือนผู้รับรอง (ซีเอ) ภายใน 2 เดือนข้างหน้า

 

..ส่งแผนแม่บทไอซีทีเข้า ครม.

นายกร ทัพพะรังสี รองนายกรัฐมนตรี และรองประธานคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ (เอ็นไอทีซี) กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดงานสัมมนา "ตรวจการบ้าน 1 ปี นโยบายไอทีรัฐบาลทักษิณ" วันเดียวกันว่า ภายในสิ้นเดือน ก..นี้ คาดว่า จะนำแผนแม่บทพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร พ..2545 - 2549 เข้าเสนอ ครม.เพื่ออนุมัติและประกาศใช้ต่อไป โดยระหว่างนี้ จะใช้เวลาวิเคราะห์สวอต (SWOT) เพื่อให้แล้วเสร็จ เพื่อนำไปวางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี ก่อนจัดทำแผนแม่บทฉบับสมบูรณ์ และหลังจากประกาศใช้แผนแม่บทแล้ว จะดำเนินการนโยบายอิเล็กทรอนิกส์ 5 ด้านต่อไป ทั้งนี้นโยบายอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 5 ด้าน จะมีผู้รับผิดชอบแตกต่างกันไป ประกอบด้วย อี-กอฟเวิร์นเมนต์ รับผิดชอบโดยรัฐบาล ซึ่งจะมีอี - อบต. 7,200 ตำบล ทั่วประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายด้วย อี-อินดัสตรี มีสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยรับผิดชอบหลัก อี-คอมเมิร์ซ สภาหอการค้า เป็นผู้รับผิดชอบ อี-เอดูเคชั่น จะต้องรอหลัง 1 ..เพื่อให้มีหน่วยงานที่ดูแลด้านการศึกษาชัดเจนก่อน จึงจะทราบผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน และอี-โซไซตี้ มีตัวเขาเป็นผู้รับผิดชอบ

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 27 มิถุนายน 2545

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.