"ฟรอสต์" ทำนายอีก 2 ปี" เอดจ์-3 จี" เปลี่ยนธุรกิจเอเชีย-แปซิฟิก

แนวโน้มธุรกิจโทรคมนาคมของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกภายในสิ้นปีนี้-ปีหน้า จะก้าวสู่เทคโนโลยีใหม่ "เอดจ์" (EDGE) และเครือข่าย 3 จี ซึ่งทำให้รูปแบบธุรกิจของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) เปลี่ยนไป โดยธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนธุรกิจทั้งรูปแบบการให้บริการ โครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย และการพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ

 

สำนักวิจัยชื่อดัง "ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน" ชี้โทรคมนาคมเอเชีย ก้าวสู่เทคโนโลยี เอดจ์-3 จี ใน 2 ปี เน้นย้ำจุดเปลี่ยนธุรกิจและแหล่งรายได้ อนาคตแบ่งตลาดตาม "คอนเท้นท์" แทน "สงครามราคา" นายมาโนจ มีนัน ผู้อำนวยการ ฝ่ายปฏิบัติการเทคโนโลยี เอเชีย-แปซิฟิก บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน กล่าวในงาน "Sun Telecommunications Solutions Summit" ว่า แนวโน้มธุรกิจโทรคมนาคมของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ภายในสิ้นปีนี้-ปีหน้าจะก้าวสู่เทคโนโลยีใหม่ "เอดจ์" (EDGE) และเครือข่าย 3 จี ซึ่งทำให้รูปแบบธุรกิจของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) เปลี่ยนไป โดยธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนธุรกิจทั้งรูปแบบการให้บริการ โครงสร้างพื้นฐานของเครือข่าย และการพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่สำคัญผู้ให้บริการ (โอเปอเรเตอร์) จะมีโครงสร้างรายได้เปลี่ยนไป คาดว่าภายในปี 2551 เฉพาะรายได้จากคอนเท้นท์ และบริการด้านบันเทิง จะคิดเป็น 50% จากรายได้รวมทั้งหมด ที่ปัจจุบันรายได้หลักยังมาจากบริการเสียง

 

ทั้งนี้เมื่อปี 2545 รายได้จากบริการข้อมูลและแอพพลิเคชั่นผ่านเครือข่ายไร้สายทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก อยู่ที่ 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย บริการข้อความ บริการสารสนเทศ และบันเทิง บริการซื้อขายผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริการด้านธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ นอกจากนี้ยังมีบริการเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ การติดตามยานพาหนะ และลอจิสติกผ่านโทรศัพท์มือถือ 41.52 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และระบบงานสำนักงานบนโทรศัพท์มือถือ 32.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่คาดการณ์ในปี 2549 รายได้จากบริการข้อมูลและแอพพลิเคชั่นจะขยับเป็น 31.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าบริการด้านสารสนเทศ และบันเทิง และบริการแมสเสจจิ้ง จะเป็นสองอันดับที่ได้รับความนิยมสูง นอกจากนั้นเกมออนไลน์ จะเป็นบริการที่ได้รับความนิยมในเอเชียด้วยเช่นกัน มีประมาณการ 840 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2548 จากปี 2545 อยู่ที่ 401 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

แบ่งตลาดด้วยคอนเท้นท์

ทั้งนี้ด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ได้ผลักดันผู้ให้บริการจะแข่งขันที่ "คอนเท้นท์" กันมากขึ้น แทนการแข่งขันด้านราคาในปัจจุบัน และการแบ่งกลุ่มลูกค้าจะไม่แบ่งตามไลฟ์สไตล์ อาชีพ หรือปริมาณการใช้งานเท่านั้น แต่จะแบ่งกลุ่มลูกค้าตาม "คอนเท้นท์" โดยอาจแบ่งได้นับร้อยกลุ่ม ตัวอย่าง ผู้ให้บริการในสหราชอาณาจักร "Hutchison 3" ซึ่งเพิ่งเริ่มเปิดตัว 2-3 เดือน แบ่งเป็น กลุ่มลูกค้าที่รับข้อมูลของ PlayBoy บริการข้อมูลฟุตบอลอังกฤษ (English Premier) และบริการหนังซีรีส์ ชื่อดัง "Sex and the City" จากการแบ่งตามตามคอนเท้นท์ดังกล่าวเอง ทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ จะต้องให้สร้างพันธมิตรพัฒนาบริการใหม่ๆ โดยเฉพาะผู้พัฒนาเนื้อหา (คอนเท้นท์ ดีเวลลอปเปอร์) และผู้รวบรวมเนื้อหา (คอนเท้นท์ แอกกรีเกเตอร์) เพื่อให้เสนอเนื้อหาที่แตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น

 

วอยซ์โอเวอร์ไอพี/ไวร์เลสแลนมาแรง

นอกจากนั้นแล้ว พัฒนาการของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต โปรโตคอล ผลักดันให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องปรับตัวให้บริการที่ใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น เช่น การสื่อสารเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต (VO/IP) ซึ่งมีราคาต่ำมานำเสนอ แทนรายได้จากบริการเดิมที่ลดลงโดยเฉพาะโทรทางไกล เฉพาะภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนั้น คาดการณ์ปี 2550 จะมีปริมาณการใช้งานผ่านวอยซ์โอเวอร์ไอพี 150 พันล้านนาที จากปี 2544 อยู่ที่ 26 พันล้านนาที ถ้าคิดเป็นรายได้จะอยู่ที่ 8.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2550 จากปี 2544 อยู่ที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ที่จะเติบโตอย่างมหาศาล ทั้งเกาหลี ไต้หวัน และฮ่องกง พร้อมทั้งบริการไวร์เลส แลน คาดว่าในเอเชีย-แปซิฟิก จะมีจุดเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สาย (ฮอทสปอต) ที่ 14,000 ฮอทสปอตด้วย ซึ่งจะเป็นบริการที่กระตุ้นเรียนรู้การใช้งานคอนเท้นท์ในเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 10 กรกฎาคม 2546

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.