ฮิตาชิ ทุ่มเงินกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ซื้อหน่วยผลิตฮาร์ดดิสก์ของไอบีเอ็มยกแรก พร้อมวางแผนซื้อส่วนที่เหลือภายใน 3 ปี ขณะที่เตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ รองรับการดำเนินการในระยะต้น

ตัวแทนของบริษัท ฮิตาชิ เปิดเผย โครงการซื้อแผนกผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์ ของบริษัท ไอบีเอ็ม เป็นมูลค่า 2,050 ล้านดอลลาร์ พร้อมเผยเตรียมซื้อส่วนที่เหลือภายใน 3 ปี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัททั้งสองได้มีการเจรจาเบื้องต้น เกี่ยวกับแผนงานดังกล่าว แต่ข้อสรุปด้านราคาในครั้งนี้ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้มาก

ทั้งนี้ตามแผนงานข้างต้น ทั้งสองบริษัทจะโอนแผนกผลิตอุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์มารวมกันที่บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ ซึ่งบริษัท ฮิตาชิ ถือหุ้นอยู่ 70% ขณะที่บริษัทไอบีเอ็มถือหุ้นอยู่ 30% โดยบริษัท ฮิตาชิ จะต้องชำระเงินให้แก่บริษัท ไอบีเอ็ม เนื่องจากแผนกฮาร์ดดิสก์ของไอบีเอ็ม ใหญ่กว่าของฮิตาชิมาก ขณะเดียวกัน ข้อตกลงในครั้งนี้ ช่วยให้บริษัท ไอบีเอ็ม สามารถยกเลิกการดำเนินธุรกิจฮาร์ดดิสก์ ซึ่งกำลังประสบภาวะขาดทุน ทั้งนี้ ไอบีเอ็ม ได้ตั้งแผนกดังกล่าวขึ้น เป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แต่ในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจฮาร์ดดิสก์มีการแข่งขันสูงมาก ขณะที่มีผลกำไรค่อนข้างต่ำ

นายสตีเวน มิลูโนวิช นักวิเคราะห์ของบริษัทเมอร์ริล ลินช์ ประเมินว่า เมื่อปีที่ผ่านมา ไอบีเอ็ม ประสบภาวะขาดทุนในธุรกิจฮาร์ดดิสก์ ราว 250 ล้านดอลลาร์ ขณะที่มีรายได้จากการขายสินค้าทั้งหมด 3,200 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากข้อตกลงบรรลุผล ซึ่งคาดกันว่าเป็นช่วงปลายปีนี้ จะมีการโอนย้ายพนักงานบริษัทไอบีเอ็ม ราว 18,000 คน รวมทั้งพนักงานบริษัทฮิตาชิอีก 6,000 คน มายังบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ โดยสำนักงานใหญ่ของบริษัท จะตั้งอยู่ในเมืองซาน โฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีนายจูน นารูส ผู้บริหารบริษัทฮิตาชิ เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร ส่วนนายดักลาส กรอส ผู้จัดการทั่วไป แผนกเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลของไอบีเอ็ม สาขาเมืองซาน โฮเซ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ

ทั้งนี้ ตัวแทนของบริษัทฮิตาชิ กล่าวว่า บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ จะมีรายได้ราว 5,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2546 และเพิ่มเป็น 7,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2549 ส่วนนักวิเคราะห์ เผยว่า บริษัทแห่งใหม่นี้ จะกลายเป็นผู้จำหน่ายฮาร์ดดิสก์ อันดับ 2 หรือ 3 ของโลก รองจากบริษัทซีเกท เทคโนโลยี แอลแอลซี ในเมืองสกอตส์ แวลลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 5 มิถุนายน 2545