นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ กรรมการผู้จัดการ -โนเกีย โมบาย โฟนส์ บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทเปลี่ยนแนวการทำตลาดผ่านกลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมการขายเครื่องโทรศัพท์ปกติ โดยเริ่มรุกตลาดด้านนี้ผ่านการเปิดตัวโทรศัพท์เคลื่อนที่โนเกียรุ่น 8310 ซึ่งรองรับบริการส่งข้อมูลผ่านระบบแวพบนเทคโนโลยีจีพีอาร์เอส โดยยึดการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น เพิ่มคุณสมบัติวิทยุเอฟเอ็มแก่โทรศัพท์มือถือ พร้อมคุณสมบัติด้านบันเทิงในหมวดเพลง โดยในโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่นี้ ผู้ใช้สามารถเลือกบริการ 6 ด้าน ซึ่งบริษัทร่วมมือกับคลื่นเอฟเอ็ม 102.5 เมกะเฮิรตซ์ เพื่อบริการข้อมูลเพลงที่เปิดอยู่ (On Air now ) เป็นบริการแสดงชื่อเพลงที่ออกอากาศอยู่ในขณะนั้น, บริการขอเพลง (Song Request) ที่ผู้ใช้ต้องการให้เปิด โดยเลือกจากชื่อเพลง ศิลปินหรือจากอันดับชาร์จเพลงก็ได้, บริการรายชื่อเพลงที่จะเล่นต่อ (Play List), บริการดีเจโซน (DJ Zone) เป็นข้อมูลเกี่ยวกับเวลาการจัดรายการของดีเจแต่ละคน, บริการฮอตชาร์จ (Hot charts) เป็นเพลงที่ได้จากการโหวตเข้ามาของผู้ฟัง บริการข้อมูลทุกสัปดาห์, บริการข้อมูลของสถานี ให้ผู้ใช้บริการทราบกิจกรรมของแต่ละคลื่น

ทั้งนี้เป้าหมายของโนเกียจะสร้างสีสัน และกระแสแฟชั่น เพื่อให้เกิดเป็นตลาดมวลชน ซึ่งล่าสุดประกาศราคาขายสินค้าเครื่องใหม่ คือ เครือข่ายดีแทคราคาราว 27,900 บาท และเครือข่ายเอไอเอส 25,900 บาท นับเป็นราคาที่เอไอเอสจำหน่ายต่ำกว่าดีแทคเป็นครั้งแรก รวมทั้งยังประกาศความร่วมมือใช้ระบบฟรี 3 เดือนเพื่อปลุกตลาด ขณะเดียวกัน มองว่าการเติบโตของบริษัทจะเป็นไปอย่างก้าวกระโดดพร้อมกับการเติบโตของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจากฐานของผู้ให้บริการทุกค่ายรวมถึงค่ายใหม่ "ซีพีออเรนจ์" ที่เป็นพันธมิตรกับโนเกียในยุโรป และประเทศไทยก็น่าจะมีลักษณะความสัมพันธ์ใกล้ชิดเช่นกัน

นางสาวยุวนา ลิ้มวัฒนะกูร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัทเดียวกัน กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทจะใช้กลยุทธ์ดังกล่าวรุกเข้าไปในตลาดส่วนอื่น ที่มีอยู่ทั้งสิ้น ได้แก่ ตลาดโทรศัพท์พื้นฐาน (เบสิค โฟน), ตลาดสำหรับกลุ่มธุรกิจ (บิซซิเนส โฟน), กลุ่มตลาดแฟชั่น (แฟชั่น โฟน) เป็นกลุ่มนิยมความทันสมัย, ตลาดพรีเมี่ยมโฟน จะเน้นรูปลักษณ์และความสามารถของฟังก์ชั่นข้อมูล, ตลาดกลุ่มใหม่ๆ

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 15 พฤศจิกายน 2544