ซันโยยึดไทยสร้างฐานตู้เย็น เท 2 พันล.ทวงความยิ่งใหญ่

"ซันโย" ยกเครื่องใหม่หลังบริษัทแม่เพิ่มทุนกว่า 2,000 ล้าน หวังทวงความยิ่งใหญ่คืน ชี้ตลาดเมืองไทยอนาคตสดใส สบช่องใช้ไทยเป็นฐานผลิตตู้เย็นรุกตลาดประเทศกลุ่มอาฟต้า ชี้เทรนด์ใหม่สินค้าไซซ์ใหญ่เท่านั้น คาดสิ้นปีปิดยอดขาย 6,800 ล้าน

นายทาดาโอะ โอโตะ ประธานกรรมการ บริษัท ซันโย ยูนิเวอร์แซล อิเล็คทริค จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านภายใต้แบรนด์ซันโยและรับจ้างผลิตในรูปแบบโออีเอ็ม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากที่บริษัทได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารจัดการทางธุรกิจและการเงินใหม่เมื่อเดือนธันวาคม 2546 ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทแม่ คือ ซันโยกรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาถือหุ้น 74% จากเดิม 38% และส่วนที่เหลืออีก 26% เป็นสัดส่วนของกลุ่มผู้ร่วมทุนภายในประเทศ

บริษัทแม่เล็งเห็นศักยภาพของตลาดไทยที่มีทิศทางการเติบโตที่ดี การขยายตัวของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาจากปัจจัยการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงขึ้น รวมถึงจากปัจจัยการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่าจะมีปัจจัยลบในเรื่องของราคาน้ำมันและเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อภาวะโดยรวมมากนัก นอกจากนี้ ซันโยยังมั่นใจว่าด้วยปัจจัยจากการแข่งขันของแต่ละค่ายที่ให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ อาทิ แจกรางวัล แคมเปญ 0% หรือแถมสินค้า จะมีส่วนสำคัญในการที่จะกระตุ้นให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าโตขึ้น

ประธานบริษัทซันโยฯย้ำว่า บริษัทแม่ต้องการให้ซันโยเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับครัวเรือนในตลาดโลก และสำหรับประเทศไทยเองบริษัทแม่ต้องการจะขยายตลาดส่งออกให้มากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับการเปิดเขตเสรีการค้าในกลุ่มอาฟต้า อันจะเป็นผลทำให้กำแพงภาษีของเครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มประเทศสมาชิกอาฟต้าลดลงเหลือเพียง 5% จากเดิมที่อัตราภาษีสูงถึง 30% "ซันโยประเทศไทยจึงต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดในเชิงรุกมากขึ้น เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้และขยายช่องทางในประเทศกลุ่มอาฟต้า ตะวันออกกกลาง และยุโรปเพิ่มมากขึ้น โดยตู้เย็นที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ"

ทั้งนี้ เนื่องจากตลาดส่งออกเป็นตลาดที่สำคัญที่ทำรายได้ให้บริษัทกว่า 62% จากรายได้รวมในปี 2546 ประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยเฉพาะยอดขายตู้เย็นที่สูงถึง 75% และอีก 25% เป็นรายได้จากเครื่องซักผ้าคอมเพรสเซอร์ และอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมของตู้เย็นประมาณ 1.1 ล้านเครื่อง และมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องคาดการณ์ว่าปีนี้น่าจะโตอีก 3-4% ทำให้เชื่อว่าปีนี้ซันโยจะโตอีก 12% หรือ 6,800 ล้านบาท

พร้อมกันนี้บริษัทได้ทุ่มงบฯในการวิจัยพัฒนาสินค้าใหม่ๆ กว่า 340 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ของตลาดให้ตรงจุดและมุ่งผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่มีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ซึ่งแนวโน้มของตลาดต้องการสินค้าที่มีไซซ์ใหญ่ขึ้นและมองเรื่องของคุณภาพมากกว่าราคา โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นและยุโรปที่ให้ความสำคัญในเรื่องของกระบวนการผลิตที่ไม่ทำอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับตลาดเมืองไทยซันโยจะรุกกลุ่มสินค้าไฮเอนด์ คือ ตู้เย็นแบบ 2 ประตูมากขึ้น แม้ว่าจะมีสัดส่วนเพียง 20% เมื่อเทียบกับแบบประตูเดียวที่มีส่วนแบ่งกว่า 80% เนื่องจากตู้เย็นแบบ 2 ประตูมีแนวโน้มมากที่จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ที่สำคัญคือ ราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักในการเลือกซื้อของผู้บริโภค

"ปัจจุบันแต่ละค่ายต่างหันไปแข่งกันที่นวัต กรรมใหม่ของสินค้า มากกว่าที่จะแข่งกันในเรื่องของราคา การที่บริษัททำโออีเอ็มให้กับแบรนด์ต่างๆ ทั้งญี่ปุ่นและยุโรป ทำให้บริษัทมั่นใจในเรื่องของเทคโนโลยีว่าสามารถแข่งกันได้ นอกจากนี้ การที่จะทำให้ผู้บริโภครับรู้ความต่างของแบรนด์ได้ขึ้นอยู่กับการทำตลาดเป็นสำคัญ ดังนั้น ปีนี้จึงเป็นเหมือนจุดเริ่มที่ซันโยจะทำตลาดในเชิงรุกมากขึ้นควบคู่กับการพัฒนาสินค้าใหสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ ซึ่งภารกิจที่เราต้องทำให้สำเร็จ คือ การทวงความยิ่งใหญ่ของซันโยกลับมาอีกครั้ง" ประธานบริษัทซันโยฯกล่าว

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 3 มิถุนายน 2547

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.