ซัน สร้างชุดพัฒนาโปรแกรมภาษาจาวา อำนวยความสะดวก กลุ่มโปรแกรมเมอร์องค์กร ดัดแปลงซอฟต์แวร์สตาร์ ออฟฟิศ ให้เหมาะกับระบบงาน พร้อมชูคุณสมบัติเด่น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ระบบความปลอดภัย ขณะที่ระบุ เป็นส่วนหนึ่ง ของกลยุทธ์เพิ่มอุณหภูมิแข่งเดือด ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ

สำนักข่าวซีเน็ต รายงานว่า บริษัทซัน ไมโครซิสเต็มส์ ประกาศสร้างชุดพัฒนาซอฟต์แวร์สตาร์ ออฟฟิศ (StarOffice) ภาษาจาวา ที่ช่วยให้นักพัฒนาโปรแกรมองค์กร สามารถดัดแปลงระบบงานสตาร์ออฟฟิศบนพีซีได้

นายเยิร์ก ไฮลิก ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม โปรแกรมสตาร์ออฟฟิศ บริษัทซัน ไมโครซิสเต็มส์ กล่าวว่า ชุดซอฟต์แวร์ดังกล่าวจะบรรจุอยู่ในชุดอัพเกรดของโปรแกรมสตาร์ออฟฟิศ 6.0 เวอร์ชั่นลูกค้าองค์กร โดยมีกำหนดเปิดตัวในช่วงกลางปีหน้า และจะมุ่งเจาะกลุ่มนักพัฒนาซอฟต์แวร์ธุรกิจ ซึ่งสามารถเขียนภาษาจาวาได้โดยเฉพาะ  "บริษัทบางแห่ง ต้องการกำหนดรูปแบบการใช้งาน ที่ช่วยให้พนักงานบริษัทจดจ่ออยู่กับงานของตนเอง โดยติดตั้งโปรแกรมที่จำเป็นเท่านั้น และตัดโปรแกรมที่อาจดึงดูดความสนใจอื่นๆ ออกไป" นายไฮลิกกล่าว

ทั้งนี้ บริษัทซันมีนโยบายพัฒนาให้ภาษาจาวา กลายเป็นภาษามาตรฐานของโปรแกรมสตาร์ออฟฟิศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านระบบความปลอดภัยให้กับซอฟต์แวร์ เนื่องจากโครงสร้างความปลอดภัยของจาวา จะทำงานโดยการจำกัดพื้นที่ภายในคอมพิวเตอร์ที่ตัวโปรแกรมสามารถควบคุมได้ "โครงสร้างระบบความปลอดภัยของจาวา ที่ใช้ในโปรแกรมท่องอินเทอร์เน็ต ก็ใช้กับโปรแกรมออฟฟิศได้เช่นกัน" นายเฮลิกกล่าว "เมื่อคุณเขียนสคริปท์ด้วยรหัสจาวา คุณจะสามารถจำกัดหน้าที่ของโปรแกรมจาวา ในระดับระบบปฏิบัติการได้"

นอกจากนี้ ตัวแทนบริษัทซัน ยังเปิดเผยว่า โปรแกรมสตาร์ออฟฟิศ เวอร์ชั่นใหม่ จะใช้ระบบควบคุมความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถควบคุมการเชื่อมต่อกับไฟล์บางตัว รวมทั้งป้องกันการเปลี่ยนแปลงตัวเชื่อมต่อในระบบงานได้ ขณะที่บริษัทไมโครซอฟท์ เปลี่ยนกลยุทธ์การจำหน่ายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ใหม่ ซึ่งทำให้ลูกค้าจำนวนมากไม่พอใจ กระนั้น บริษัทซัน ก็ยังไม่สามารถดึงผู้บริโภคกลุ่มนี้ ให้หันมาใช้ซอฟต์แวร์สตาร์ออฟฟิศได้ เนื่องจากการเปลี่ยนระบบงานมาใช้สตาร์ออฟฟิศ มีความยุ่งยากเกินไป นายเกล เรย์นัส รองประธานบริษัทวิสต้าพอร์ทัล ซอฟต์แวร์ ให้ความเห็นว่า โครงสร้างภายในของโปรแกรมทั้งสองมีความแตกต่างกันมาก

ทั้งนี้ บริษัทซัน เปิดเผยว่า ยอดรายรับในช่วงไตรมาสนี้ อาจมีมูลค่าสูงถึง 2,900 ล้านดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับตัวเลขที่นักวิเคราะห์ได้ประเมินไว้ แต่คาดว่า ส่วนต่างด้านผลกำไรจะต่ำกว่าระดับประเมิน ส่วนทางกับค่าใช้จ่ายด้านการปฏิบัติการ ที่จะสูงกว่ายอดประมาณการ

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 2 ธันวาคม 2545