ไทยซัมซุงเล็งนำเข้าสามผลิตภัณฑ์ หนุนแผนขยายตลาดสินค้าไอทีเต็มที่

ไทยซัมซุง เร่งสรุปนำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่ เสริมทัพกลุ่มธุรกิจไอที ในปี 45 จับตาพีดีเอ, โน้ตบุ๊ค และเครื่องพิมพ์ หลังเห็นศักยภาพ ในการเติบโตของตลาด และยังไม่มีเจ้าตลาดเต็มตัว

นายธนกร ภูมวงศ์ ผู้จัดการส่วนธุรกิจไอที บริษัท ไทย ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทมีแผนจะขยายการนำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มไอทีเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพิ่ม โดยกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ใน 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ พีดีเอ, โน้ตบุ๊ค และเครื่องพิมพ์ (พริ๊นเตอร์) จากปัจจุบันที่มีเพียงจอภาพ (มอนิเตอร์), ดีวีดี, ซีดี-รอม และซีดี อาร์ดับบลิวเป็นหลัก โดยมองว่า ส่วนของพีดีเอ และโน้ตบุ๊คนั้น ตลาดยังมีช่องว่างเหลืออยู่ สำหรับผู้เล่นรายใหม่ๆ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ที่แข็งแกร่งในตลาดไม่ถึง 5 ราย ขณะที่ มีแนวโน้มการเติบโตของตลาดสูงต่อเนื่องทุกปี ขณะเดียวกัน ยังเป็นสินค้าที่ซัมซุง ซึ่งเป็นบริษัทแม่มีจุดแข็ง ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบที่สำคัญ สำหรับผลิตภัณฑ์ระดับบน (ไฮ เอ็นด์) ในกลุ่มนี้อยู่แล้ว ทั้งในส่วนของชิพ และจอแอลซีดี ทำให้ค่อนข้างมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุน

ทั้งนี้ หากผลสรุปเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ประเทศไทย จะนับเป็นตลาดแรกๆ ในภูมิภาคเอเชีย ที่ซัมซุงนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเข้ามารุกตลาด เพราะที่ผ่านมาในส่วนของพีดีเอนั้น ยังจำกัดการทำตลาดแต่ในประเทศเกาหลีเท่านั้น ขณะที่โน้ตบุ๊ค ทำตลาดแต่ในเกาหลี, ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ขณะที่ ส่วนของพริ๊นเตอร์นั้น อาจต้องพิจารณาอย่างหนักพอสมควร เพราะแม้จะเติบโตสูง แต่ปัจจุบันเป็นตลาดที่แข่งขันกันในเรื่องราคา ค่อนข้างรุนแรง

มุ่งจับตลาดระดับบน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายชัดเจนว่า สินค้าที่นำเข้ามาดังกล่าว จะมุ่งจับตลาดระดับบนเท่านั้น โดยจะมีการบันเดิลระบบงาน ที่สนับสนุนการใช้งานตามกระแสเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเช่น บลูทูธ เข้ามาเลย

เนื่องจากบริษัทตั้งเป้าหมายให้สินค้าในกลุ่มไอทีของซัมซุง เป็นส่วนที่จะเข้ามาช่วยเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ (re build image) ให้กับยี่ห้อซัมซุง ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาได้รับการมองว่าเป็นสินค้าตลาดล่าง และคุณภาพไม่ดี เนื่องจากไปเกาะติดกับตลาดสินค้าราคาถูก ขณะเดียวกัน ตลาดเป้าหมายใหม่นี้ยังสอดคล้องกับสภาพโดยรวมของตลาดสินค้าไอทีด้วย เนื่องจากตลาดระดับบนจะมีกำลังซื้อ และการเติบโตของตลาดสูงกว่า รวมทั้งช่วงที่ผ่านมา ก็เป็นตลาดเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น "สาเหตุนี้ทำให้เราต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ในการให้บริการลูกค้าก่อนจะตัดสินใจนำเข้าสินค้าตัวใดมาทำตลาด เพราะต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ดังนั้น ที่ผ่านมาจึงยังไม่เคยทำตลาดนี้ เพราะซึ่งเราเพิ่งฟอร์มส่วนธุรกิจไอทีขึ้นมาในบริษัทช่วงปีนี้เอง" นายธนกร กล่าว โดยคาดว่าหากพร้อม จะนำเข้าได้ราวไตรมาส 2 ปี 45 รวมทั้งจะเพิ่มจำนวนบุคลากร เพื่อทำหน้าที่สนับสนุนหลังการขายสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เหล่านี้ด้วย

ส่วนของช่องทางจำหน่ายนั้น ยังคงเน้นแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย (รีเทล) รายใหญ่ๆ รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่จะเข้าไปร่วมมือกับช่องทางเดิม ที่ทำตลาดให้กับกลุ่มสินค้าภาพและเสียง (เอวี) ของซัมซุงอยู่แล้ว เพราะปัจจุบันแนวโน้มผลิตภัณฑ์ของซัมซุง เริ่มขยับเข้ามาเป็นสินค้าที่เน้นเทคโนโลยีมากขึ้น จึงเชื่อว่าประสบการณ์ของฐานคู่ค้าในกลุ่มนี้ น่าจะเข้ามาสนับสนุนแผนขยายตลาดให้ได้

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 3 ธันวาคม 2544

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.