เอกชนประสานเสียง ติง "ราคาต่ำ" ไม่ใช่เป้าซอฟต์แวร์เอสเอ็มอี

เอกชน ติงโครงการซอฟต์แวร์เอื้ออาทร ชี้ "ราคา" ไม่ใช่ปัจจัยหลัก ของการใช้ไอที กลุ่มเอสเอ็มอี เกรงซ้ำซ้อน กับหน่วยงานที่ทำไปแล้ว ด้านเอทีเอสไอ ขานรับ ชี้กระตุ้นเอสเอ็มอี ใช้ไอทีสร้างตลาด 6 พันล้านบาท

 

นายมนู อรดีดลเชษฐ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ไทย (เอทีซีไอ) กล่าวถึงนโยบายกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จะทำ "โครงการซอฟต์แวร์เอื้ออาทร" เพื่อสนับสนุนให้มีการใช้ซอฟต์แวร์ในประเทศเพิ่มขึ้น โดยให้สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (เอทีเอสไอ) จัดทำแผนงานที่ชัดเจนนำเสนอภายใน 3 สัปดาห์ว่า ต้องรอผลการศึกษาของสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (เอทีเอสไอ) ก่อนว่าจะมีการดำเนินงานอย่างไร จึงจะระบุชัดว่าเหมาะสมเพียงใด

 

กระนั้น ข้อจำกัดของซอฟต์แวร์จะมีมากกว่าฮาร์ดแวร์ในโครงการคอมพิวเตอร์ไอซีที ดังนั้น การจะใช้แนวคิดเดียวกันมาดำเนินการคงไม่ง่ายนัก ด้วยมีซอฟต์แวร์บางประเภทเท่านั้น ที่สามารถดำเนินการลักษณะนี้ได้

ตัวอย่างเช่น ซอฟต์แวร์ที่ช่วยเพิ่มผลิตภาพส่วนบุคคล (เพอร์ซันนัล โปรดักติวิตี้) เช่น โปรแกรมการบันทึกค่าใช้จ่าย, ซอฟต์แวร์ช่วยบริหารโรงเรียน ซึ่งอาจจะใช้ในระดับโรงเรียน ประถมศึกษา เพราะหากเป็นระดับมหาวิทยาลัยระบบจะซับซ้อน ต้องปรับเพิ่มตามความต้องการ

 

ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่จะกระตุ้นให้เอสเอ็มอีใช้ซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ น่าจะอยู่ที่ผลประโยชน์ที่จะได้รับ โดยเอสเอ็มอีต้องการเข้าระบบเครือข่าย สามารถขยายตลาดของตัวเองได้กับระบบห่วงโซ่อุปทาน (ซัพพลายเชน) ที่ต่อเชื่อมเข้ากับองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ซื้อรายหลักได้ เมื่อเอสเอ็มอีเข้าระบบเครือข่ายแล้ว ก็จะขยายผลใช้งานซอฟต์แวร์ด้านระบบสนับสนุน เช่น บัญชี ได้ "ที่ผ่านมา มีหลายหน่วยงานแจกซอฟต์แวร์บัญชีให้กลุ่มเอสเอ็มอีนำไปใช้ แต่ก็มีผู้ใช้งานไม่มาก เนื่องจากบางรายเกรงเรื่องเลี่ยงภาษีรายได้ และภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้นปัจจัยการใช้งานจะไม่ใช่อยู่ที่ราคา" นายมนู กล่าว

 

ควรส่งเสริมใช้ประโยชน์ซอฟต์แวร์

ด้านนายสุธี สธนสถาพร กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็กซทรีม ซิสเต็มส์ จำกัด กล่าวว่า การลดราคาน่าจะทำให้เกิดการใช้ผลกระทบที่คนใช้มากขึ้น แต่เอทีเอสไอ น่าจะศึกษาการดำเนินของหลายหน่วยงานที่ได้ทำมา เพื่อลดความซ้ำซ้อน โดยที่ผ่านมา เคยมีสมาคมนักบัญชี แจกซอฟต์แวร์บัญชีให้ใช้งานฟรีมาแล้ว และซอฟต์แวร์บางประเภทที่มีอยู่ในตลาดก็ไม่ได้มีราคาสูงนัก ดังนั้นอาจต้องมุ่งส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ เช่น การฝึกอบรมการใช้งาน และเอกชนก็จะมีรายได้จากการอบรม และค่าบำรุงรักษาระบบด้วย รวมถึงการปรับปรุงเพิ่มเติมโปรแกรมเพื่อให้ตรงกับความต้องการมากขึ้น

 

ก่อนหน้านี้ นายวิกรม ชัยสินธพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.เอ็น. อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์ จำกัด (ทีเอ็นไอเอส) เคยกล่าวว่า บริษัทจะไม่เน้นการทำตลาดด้านโรงงานผลิต และเอสเอ็มอีโรงงานขนาดเล็ก เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา การพัฒนาระบบให้ธุรกิจขนาดเล็ก ต้องใช้เวลา 8-9 เดือนเท่ากับพัฒนาระบบใหญ่ๆ แต่ลูกค้าไม่พร้อมจ่ายเงินจำนวนสูงเท่าองค์กรใหญ่ ฉะนั้นบริษัทจึงมุ่งทำตลาดลูกค้าภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรเอกชนขนาดใหญ่เป็นหลัก

 

มั่นใจระยะยาวได้ผล

นายพิพัฒน์ ยอดพฤติการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยยูอาร์แอล จำกัด กล่าวว่า ในระยะสั้นตลาดอาจจะเกร็งๆ กันไปบ้าง แต่ในระยะยาว จะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี จากการสำรวจช่วงที่ผ่านมา พบว่ามีถึง 600,000-700,000 ราย ซึ่งไม่นับรวมธุรกิจค้าปลีกที่มีกว่า 100,000 ราย "ดังนั้นหากตั้งสมมติฐานที่ว่า แต่ละรายใช้ไอทีและซอฟต์แวร์เฉลี่ย 10,000 บาท จะสร้างอุตสาหกรรมมูลค่ากว่า 6,000 พันล้านบาท ทีเดียว ซึ่งก็คงจะค่อยเป็นค่อยไป" นายพิพัฒน์ กล่าว

 

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวน่าจะส่งผลบวกโดยตรงกับกลุ่มสำนักงานขนาดเล็ก หรือโซโหที่แทบจะไม่มีการใช้ไอทีเลยและอาจจะใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนอยู่ให้หันมาใช้ซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์มากขึ้น จากแรงจูงใจด้านราคาที่ต่ำกว่าปกติ ส่วนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางขึ้นไป อาจจะไม่ได้รับผลประโยชน์ เพราะมีแนวโน้มจะใช้ระบบต่างๆ อยู่แล้ว สำหรับ สมาคม คาดว่าจะร่างแนวทางการดำเนินงานโครงการนี้แล้วเสร็จกลางเดือนนี้ เพื่อเสนอต่อรัฐมนตรีโดยจะทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ประกอบการในตลาดปกติน้อยที่สุด

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 5 สิงหาคม 2546

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.