รายงาน : พอร์เตอร์แนะสร้างซอฟต์แวร์ไทย สร้างจุดแข็งในปท.ปูพรมส่งออก

พอร์เตอร์แนะอุตสาหกรรมไทย ใช้ไฮเทคพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขัน ยกระดับทักษะบุคลากรเฉพาะด้าน สร้างคลัสเตอร์อุตสาหกรรม พร้อมแนะซอฟต์แวร์ไทย เร่งสร้างความแข็งแกร่ง จากตลาดในประเทศ เสริมฐานปูตลาดส่งออกในอนาคต

 

ศาสตราจารย์ ไมเคิล อี.พอร์เตอร์ ที่ปรึกษาโครงการศึกษาพัฒนาขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทไทยในทุกๆ อุตสาหกรรม สามารถใช้ เทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถการแข่งขันให้กับธุรกิจและประสิทธิผลได้ โดยแนวคิดดังกล่าว สามารถปรับใช้ได้กับอุตสาหกรรมทุกประเภท ไม่จำกัดอยู่กับอุตสาหกรรมไฮเทคเท่านั้น และรัฐควรส่งเสริมให้ทุกอุตสาหกรรม สามารถใช้เทคโนโลยีได้ ไม่เว้นแต่เกษตรกรรม อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยยังขาดระบบที่จะเอื้อให้เกิดสถาบันวิจัยที่มีคุณภาพ และสร้างแรงจูงใจในการวิจัยและพัฒนา รวมถึงมีการพัฒนาเชิงพาณิชย์ช้ามาก ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดของ Global Competitiveness Report ปี 2545 จัดอันดับให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 35 จาก 80 ประเทศ ขณะเดียวกัน เขาเสนอแนะให้ภาครัฐเร่งสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพให้มากขึ้น โดยมองว่าระบบการศึกษาไทยมีพื้นฐานดี แต่ก็ขาดความชำนาญเฉพาะทาง โดยเฉพาะการเสริมบุคลากรเข้าไปในระบบคลัสเตอร์ของอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่สร้างคลัสเตอร์ของแหล่งไวน์ มีสถาบันวิจัยและการค้าด้านไวน์โดยเฉพาะ รวมถึงสถาบันการศึกษาที่ออกเป็นประกาศนียบัตรผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์โดยตรง ช่วยสนับสนุนคลัสเตอร์ดังกล่าวด้วย

 

ขณะที่การสร้างคลัสเตอร์ด้านอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย ที่ถือเป็น 1 ใน 5 ของอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์หลักที่เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ซึ่งชูวิสัยทัศน์การเป็นศูนย์ออกแบบโลกด้านซอฟต์แวร์ ก็ยังขาดการสร้างบรรยากาศธุรกิจที่เอื้อให้เกิดการแข่งขัน และขาดการเชื่อมโยงกิจกรรมด้านไอทีที่มีอยู่ "การนำเสนอสินค้าและบริการของไทยเอง ไม่ใช่เพียงมองตลาดสหรัฐ ยุโรปหรือญี่ปุ่นเท่านั้น แต่น่าจะมองถึงตลาดประเทศเพื่อนบ้านที่ไทยมีศักยภาพ สามารถเพิ่มมูลค่าเพิ่ม สร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ได้"

 

ด้านนายรอม หิรัญพฤกษ์ ผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ (ซอฟต์แวร์ปาร์ค) กล่าวว่า ประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่พอร์เตอร์แนะนำให้ไทยต้องเร่งดำเนินการ คือ การสร้างให้ซอฟต์แวร์เข้าไปมีบทบาทสนับสนุนอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ ซึ่งไม่ต้องรอโอกาสการส่งออกซอฟต์แวร์ไปต่างประเทศ โดยสามารถทำขนานกันไปทั้งการสร้างตลาดในประเทศและต่างประเทศ "จากภารกิจเร่งด่วนดังกล่าว จะทำให้กระทรวงไอซีทีเอง เข้าไปมีบทบาทร่วมกันกับอุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้น โดยที่ผ่านมานโยบายการส่งเสริมซอฟต์แวร์ตั้งแต่ปี 2538 จะมองลู่ทางตลาดต่างประเทศมากกว่า จึงถึงเวลาให้มองตลาดในประเทศได้แล้ว ซึ่งหากทำสำเร็จก็จะสร้างความชำนาญ และเจาะตลาดต่างประเทศได้ง่ายขึ้นด้วย" นายรอมกล่าว

 

เอกชนขานรับไอเดีย

นายอนุกูล แต้มประเสริฐ อุปนายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (เอทีเอสไอ) กล่าวว่า ปัจจุบันการดำเนินงานภาคเอกชนก็เป็นไปตามทิศทางนั้นอยู่แล้ว โดยภายในสมาคมมีการแบ่งกลุ่มความสนใจเฉพาะด้าน ที่จับกลุ่มตามความชำนาญเฉพาะ และมุ่งให้ซอฟต์แวร์เข้าไปมีบทบาท ช่วยเพิ่มศักยภาพกับอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งงานมัลติมีเดีย ฐานข้อมูล อี-เลิร์นนิ่ง งานสิ่งทอ งานเกษตรกรรม รวมทั้งยกตัวอย่างว่า ปัจจุบันได้พัฒนาซอฟต์แวร์ติดตามกระบวนการผลิตอาหาร (Food Trace) สามารถช่วยเพิ่มมาตรฐานการผลิตอาหาร โดยเฉพาะเริ่มส่งออกอาหารแช่แข็งได้ โดยอยู่ระหว่างหารูปแบบความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (...) ซึ่งมีเครือข่ายสารสนเทศเกษตร (เอไอเอ็น) ที่น่าจะร่วมกันนำเสนอเป็นโซลูชั่นให้กับอุตสาหกรรมอาหารได้

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 7 พฤษภาคม 2546

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.