หนังสือพิมพ์คอมเมอร์เชียล ไทมส์ รายงานวานนี้ (14 ก.ค.) ว่า นางไซ อิง-เหวิน ประธานสภากิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับจีน กล่าวในงานสัมมนาช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ไต้หวันวางแผนจะยกเลิกข้อห้ามการลงทุนโดยตรงในจีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศทั้งสองก้าวหน้าขึ้น แม้ความสัมพันธ์ทางการเมืองยังชะงักงัน นางไซ กล่าวว่า ข้อห้ามดังกล่าว จะยกเลิกภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังจากนั้นธุรกิจไต้หวันจะสามารถเข้าไปลงทุนโดยตรงในจีนแผ่นดินใหญ่ โดยไม่ต้องผ่านคนกลางอย่างฮ่องกง

การลงทุนโดยตรงระหว่างไต้หวันและจีน ขาดสะบั้นลงเมื่อปี 2492 หลังไต้หวันแยกตัวออกจากแผ่นดินใหญ่ เมื่อสิ้นสุดสงครามกลางเมือง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะได้รับอนุญาตจากรัฐบาลหรือไม่ นักธุรกิจไต้หวันได้นำเงินประมาณ 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าไปลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ นับตั้งแต่ไต้หวันผ่อนปรนข้อห้ามเมื่อปี 2530

นายเฉิน หยวย-หลง รัฐมนตรีช่วยว่าการเศรษฐกิจไต้หวัน ยกย่องแผนการยกเลิกข้อห้ามการลงทุนโดยตรงดังกล่าว ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่บริษัทต่างๆ ตลอดจนผู้ถือหุ้น และรัฐบาล นายเฉิน แย้งข้อวิตกที่ว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้อาจก่อให้เกิดกระแสคลั่งการลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ "การอนุญาตให้ลงทุนโดยตรงในจีนเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบเท่านั้น ยังมีอีกหลายปัจจัยที่นักลงทุนต้องชั่งน้ำหนัก ก่อนตัดสินใจเข้าไปลงทุนที่นั่น" นายเฉิน กล่าว

การเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างรวดเร็วของไต้หวัน เกิดขึ้นในขณะที่บริษัทไต้หวันส่วนใหญ่เลือกจีนเป็นเป้าหมายอันดับ 1 ของการลงทุนในต่างประเทศ แม้ว่าความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่าง 2 ประเทศยังตึงเครียด ผลสำรวจของกระทรวงเศรษฐกิจไต้หวันที่เปิดเผยเมื่อเดือนมี.ค.แสดงให้เห็นว่า บริษัท 1,910 แห่ง มีกิจการในจีนแผ่นดินใหญ่ถึง 74.7% เพิ่มขึ้นจาก 69.1% เมื่อปี 2542 ในกลุ่มเดียวกันนี้ มีบริษัทที่ลงทุนในสหรัฐ 16.5% ตามด้วยฮ่องกง 9.1% และมาเลเซีย 6.7%

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 15 กรกฎาคม 2545