ภาวะอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ไตรมาสที่ 3 ปี 2544

1. ภาวะทั่วไปของอุตสาหกรรม
ภาวะทั่วไปของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทยโดยรวมในไตรมาสที่ 3 ปี 2544 ยังอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ดัชนีผลผลิตของกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ลดลงร้อยละ 21.5 และ ดัชนีผลผลิตของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ลดลงร้อยละ 29.3 นอกจากนี้เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้น 5,461.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงร้อยละ 20.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2543 ทั้งนี้เพราะภาวะเศรษฐกิจของตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกายังไม่ฟื้นตัว โดย Bureau of Economic Analysis ได้รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศสหรัฐอเมริกา (GDP) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 ลดลงร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2543 นอกจากนี้ Ministry of Economic, Trade and Industry ประเทศญี่ปุ่น ได้รายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Indices of Industrial Production) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 ลดลงร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 10.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตามตลาดของกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ โดยยังขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้เพราะใกล้ช่วงสิ้นปีและเทศกาลปีใหม่ นอกจากนี้รูปแบบของการซื้อสินค้าผ่อนส่งโดยใช้บัตรเครดิตยังมีส่วนช่วยเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้นด้วย

2. อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า

2.1 การผลิต
การผลิตของสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาสที่ 3 ปี 2544 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 จากรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมพบว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 3 ดัชนีผลผลิตสินค้าในกลุ่มเครื่องรับโทรทัศน์ วิทยุ และสินค้าที่เกี่ยวข้อง (ISIC 3230) เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ทั้งนี้เพราะผู้ผลิตเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับกับความต้องการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนดัชนีผลผลิตโดยรวมลดลงร้อยละ 21.5

เมื่อเปรียบเทียบกับดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Indices of Industrial Production) ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรายงานโดย Ministry of Economic, Trade and Industry ในไตรมาสที่ 3 ปี 2544 พบว่า ภาวะการผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่นลดลง ซึ่งเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2544 โดยสินค้าที่มีการผลิตลงมากเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2543 ได้แก่ ตู้เย็น โทรทัศน์สี และวีดีโอเทป ลดลงร้อยละ 19.4 29.8 และ 62.8 ตามลำดับ ส่วนเครื่องปรับอากาศมีการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1

2.2 การตลาด
ภาวะตลาดของกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยในไตรมาสที่ 3 จากรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมพบว่าดัชนีการส่งสินค้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 แต่ลดลงร้อยละ 11.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

1) ตลาดในประเทศ
ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศในไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 มีการขยายตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ทั้งนี้เป็นเพราะใกล้ช่วงสิ้นปีและเทศกาลปีใหม่ ผู้ผลิตจึงมีการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับกับความต้องการที่คาดว่ามีจะมากขึ้น เมื่อพิจารณาจากตัวเลขดัชนีการผลิตของกลุ่มสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นหลักพบว่าความต้องการของตลาดในสินค้าประเภท เครื่องรับโทรทัศน์ พัดลม เครื่องซักผ้า และหม้อหุงข้าว มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับร้อยละ 1 ถึง 8 ในขณะที่เครื่องซักผ้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 33.7 แต่ตู้เย็นพบว่ามีการขยายตัวลดลงมากถึงร้อยละ 56.7 และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2543 พบว่ายังมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นซึ่งสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากได้แก่ พัดลม และหม้อหุงข้าว โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 และ 22.7 ตามลำดับ ส่วนเครื่องรับโทรทัศน์พบว่ามีการขยายตัวลดลงร้อยละ 6.4 (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 1)

ตารางที่ 1 แสดงปริมาณการจำหน่ายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศ ไตรมาส 3 ปี 2544
รายการสินค้า การเปลี่ยนแปลงเทียบกับไตรมาสที่
3/2543 (ร้อยละ)
การเปลี่ยนแปลงเทียบกับไตรมาสที่
2/ 2544 (ร้อยละ)
1. เครื่องรับโทรทัศน์ -6.4 2.1
2. ตู้เย็น N/A -56.7
3. พัดลม 14.3 1.42
4. เครื่องซักผ้า N/A 33.7
5. หม้อหุงข้าว 22.6 8.6
ที่มา: กลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
* ตู้เย็น และ เครื่องซักผ้า ไม่มีข้อมูลในปี 2543

2) ตลาดส่งออก
แนวโน้มการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าของไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 2544 ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องจากสองไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1814.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การส่งออกเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2544 ลดลงร้อยละ 4.4 และเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 12.9 โดยตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยยังคงเป็นประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา โดยมีมูลค่ารวม 2 ประเทศสูงถึงร้อยละ 40.3 ของมูลค่าส่งออกรวมทั้งหมด ตลาดใหม่ที่น่าจับตาคือจีน ซึ่งแม้ว่าจะมีมูลค่าการส่งออกเพียงร้อยละ 6.2 ของมูลค่ารวมทั้งหมด แต่มีการขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 42.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

จากสถิติของกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ สินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรกของไทยได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์และส่วนประกอบ ร้อยละ 21.5 เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ร้อยละ 12.45 เครื่องเล่นวีดีโอและอุปกรณ์เครื่องเสียงและส่วนประกอบ ร้อยละ 9.18 เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่ให้ความร้อน ร้อยละ 4.65 และตู้เย็น ตู้แช่และส่วนประกอบ ร้อยละ 4.48 (รายละเอียดแสดงในรูปที่ 1)

หมายเหตุ
(1) เครื่องรับโทรทัศน์และส่วนประกอบ
(2) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
(3) เครื่องเล่นวีดีโอและอุปกรณ์เครื่องเสียงและส่วนประกอบ
(4) เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่ให้ความร้อน
(5) ตู้เย็น ตู้แช่และส่วนประกอบ
(6) เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
รูปที่ 1 แสดงอัตราส่วนของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าส่งออก 5 อันดับแรกของไทย ไตรมาส 3/2544

มูลค่าส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญ 5 อันดับแรกของไทย ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 เป็นดังนี้ (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 2)

ตารางที่ 2แสดงมูลค่าส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญ 5 อันดับแรกของไทย ไตรมาส 3 ปี 2544
รายการสินค้า มูลค่าการส่งออก (ล้านเหรียญสหรัฐ) การเปลี่ยนแปลงเทียบกับไตรมาสที่ 3/2543 (ร้อยละ) การเปลี่ยนแปลงเทียบกับไตรมาสที่ 2/ 2544 (ร้อยละ) ตลาดส่งออกหลัก
1. เครื่องรับโทรทัศน์และส่วนประกอบ 391.0 -25.2 -0.5 สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์
2. เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 225.8 4.1 -39.0 ญี่ปุ่น สเปน สิงคโปร์
3. เครื่องเล่นวีดีโอและอุปกรณ์เครื่องเสียงและส่วนประกอบ 166.5 -15.1 1.2 สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย
4. เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่ให้ความร้อน 84.3 -21.7 9.8 84.3 -21.7 9.8 สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ลาว
5. ตู้เย็น ตู้แช่และส่วนประกอบ 81.2 2.8 2.8 -11.2 ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย
ที่มา: กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์

เมื่อพิจารณาภาวะการส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในตลาดโลกที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา พบว่ามีการส่งออกลดลงเช่นเดียวกับประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ซึ่งมูลค่าการส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภท (Home Audio and Video) ของประเทศสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 3 ปี 2544 มีมูลค่ารวม 840 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 และลดลงร้อยละ 13.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ดัชนีการส่งสินค้า (Indices of Producer's Shipment) ของประเทศญี่ปุ่น เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน พบว่าส่วนใหญ่ลดลงในระดับร้อยละ 4-15 แต่ในส่วนของวีดีโอเทปลดลงถึงร้อยละ 30.5 ขณะที่เครื่องปรับอากาศและเตาไมโครเวฟมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.1 และ 3.4 ตามลำดับ

3) การนำเข้า
การนำเข้าสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,772.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 5.0 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 และลดลงร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยประเทศที่ไทยนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญ 3 อันดับแรกได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย โดยมีมูลค่ารวมกันสูงถึงร้อยละ 66.2 ของมูลค่านำเข้ารวมทั้งหมด

จากสถิติของกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ สินค้านำเข้าที่มีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรกของไทย ได้แก่ เครื่องตัดต่อหรือป้องกันวงจรไฟฟ้ารวมถึงแป้นและแผงควบคุม ร้อยละ 15.8 เครื่องส่งสัญญาณภาพและเสียง ร้อยละ 14.7 หลอดภาพโทรทัศน์ ร้อยละ 11.2 สายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล ร้อยละ 9.1 และอุปกรณ์เครื่องรับโทรศัพท์ โทรเลข และอุปกรณ์ ร้อยละ 8.1

หมายเหตุ
(1) เครื่องรับโทรทัศน์และส่วนประกอบ
(2) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ
(3) เครื่องเล่นวีดีโอและอุปกรณ์เครื่องเสียงและส่วนประกอบ
(4) เตาอบไมโครเวฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่ให้ความร้อน
(5) ตู้เย็น ตู้แช่และส่วนประกอบ
(6) เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
รูปที่ 2 แสดงอัตราส่วนของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้านำเข้า 5 อันดับแรกของไทย ไตรมาส 3/2544

ตารางที่ 3มูลค่านำเข้าสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สำคัญ 5 อันดับแรกของไทย ไตรมาส 3 ปี 2544
รายการสินค้า มูลค่าการนำเข้า (ล้านเหรียญสหรัฐ) การเปลี่ยนแปลงเทียบกับไตรมาสที่ 3/2543 (ร้อยละ) การเปลี่ยนแปลงเทียบกับไตรมาสที่ 2/ 2544 (ร้อยละ) ตลาดนำเข้าหลัก
1. เครื่องตัดต่อ หรือป้องกันวงจรไฟฟ้ารวมถึงแป้นและแผงควบคุม 280.5 -6.38 -4.56 ญี่ปุ่น เวียดนาม สหรัฐอเมริกา
2. เครื่องส่งสัญญาณภาพและเสียง 261.3 21.42 -25.68 เกาหลีใต้ เยอรมนี ฟินแลนด์
3. หลอดภาพโทรทัศน์ 197.5 -43.02 4.5 มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น
4. สายไฟฟ้า สายเคเบิ้ล 161.0 4.01 22.8 ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์
5. อุปกรณ์เครื่องรับโทรศัพท์ โทรเลขและอุปกรณ์ 143 94.6 3.77 ฟินแลนด์ จีน สวีเดน
ที่มา: กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์

3. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

3.1 การผลิต
ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 ยังอยู่ในภาวะหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1 และ 2 จากรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมพบว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในไตรมาสที่ 3 ลดลงร้อยละ 6.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2

ภาวะการผลิตเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2543 ลดลงร้อยละ 29.3 โดยเฉพาะ Other IC และ หลอดภาพคอมพิวเตอร์ ลดลงถึงร้อยละ 48.2 และ 38.8 ตามลำดับ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัว

นอกจากนี้ จะพบว่าภาวะการผลิตของประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2544 ทำให้ดัชนีของปี 2544 ได้มีการปรับตัวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Indices of Industrial Production) ของ Ministry of Economic, Trade and Industry ประเทศญี่ปุ่น ไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 ยังคงลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะ Resistor Cathode ray tubes for computers Silicon diodes และTransistors ลดลงมากกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

3.2 การตลาด
ภาวะตลาดอิเล็กทรอนิกส์ของไทยยังชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจของตลาดโลก โดยจากรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม พบว่าดัชนีการส่งสินค้าในไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 ลดลงร้อยละ 9.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 และลดลงร้อยละ 33.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2543 โดยสินค้าที่มีดัชนีการส่งสินค้าลดลงค่อนข้างมาก คือ Other IC และหลอดภาพคอมพิวเตอร์ ซึ่งลดลงถึงร้อยละ 55.6 และ 36.8 ตามลำดับ เนื่องจากคำสั่งซื้อจากบริษัทแม่ลดลง

ตลาดต่างประเทศ
มูลค่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาสที่ 3 ยังคงลดลง โดยมีมูลค่ารวม 3,647.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 และลดลงร้อยละ 24.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2543 โดยเฉพาะแผงวงจรไฟฟ้าและวงจรพิมพ์ ลดลงมากกว่าร้อยละ 40 ตลาดสำคัญที่มีการส่งออกลดลง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ลดลงร้อยละ 33.7 22.6 และ 18.1 ตามลำดับเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2543 (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 4)

จากสถิติของกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ สินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรกของไทยได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ร้อยละ 54 แผงวงจรไฟฟ้าร้อยละ 19 ไดโอด ทรานซิสเตอร์ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ร้อยละ 6 หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบร้อยละ 5 และวงจรพิมพ์ ร้อยละ 5 (รายละเอียดแสดงในรูปที่ 3)

หมายเหตุ
(1) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
(2) แผงวงจรไฟฟ้า
(3) ไดโอด ทรานซิสเตอร์ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ
(4) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
(5) วงจรพิมพ์
(6) สินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ
รูปที่ 3 แสดงอัตราส่วนของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่งออก 5 อันดับแรกของไทย ไตรมาส 3/2544

ตารางที่ 4แสดงมูลค่าส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 5 อันดับแรกของไทย ไตรมาส 3 ปี 2544
รายการสินค้า มูลค่าการส่งออกไตรมาส 3/2544 (ล้านเหรียญสหรัฐฯ) การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2544 (ร้อยละ) การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน(ร้อยละ) ตลาดส่งออกหลัก
1. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 1,936.1 -10.5 -1.7 สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ และ ญี่ปุ่น
2. แผงวงจรไฟฟ้า 707.1 -46.8 -20.0 สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน เนเธอร์แลนด์
3. ไดโอด ทรานซิสเตอร์ และอุปกรณ์ 235.0 -12.1 19.0 ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์
4. หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ 188.0 -13.1 -3.1 สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์
5. วงจรพิมพ์ 163.8 -42.9 -7.6 สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา
ที่มา : กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์

สาเหตุของการชะลอตัวด้านการส่งออกอย่างต่อเนื่องของไทย มาจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว โดยพิจารณาจากภาวะตลาด Semiconductor ของโลกลดลง จากการรายงานของ Semiconductor Industry Association (SIA) พบว่ามูลค่าการจำหน่าย Semiconductor ทั่วโลกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 มีมูลค่า 31,570 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 17.0 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลงถึงร้อยละ 53.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2543 ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ Semiconductor ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง โดยตลาดที่มีการลดลงมากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา มูลค่าจำหน่าย 7,750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงถึงร้อยละ 55.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รองลงมา คือ ตลาดสหภาพยุโรป มูลค่าจำหน่าย 6,510 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 38.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ตลาดญี่ปุ่น มูลค่าจำหน่าย 7,770 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 36.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มูลค่าจำหน่าย 9,530 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 30.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ Electronic Business ยังได้รายงานมูลค่าการจำหน่าย IC Microprocessor และ DRAMs ของโลกลดลงในช่วงไตรมาส 3 ปี 2544 ร้อยละ 45.5 32.7 และ 78.2 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับสภาพตลาดของประเทศญี่ปุ่น ปรากฏว่าการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ลดลงเช่นเดียวกัน โดย Ministry of Economic, Trade and Industry ประเทศญี่ปุ่นรายงานดัชนีการส่งสินค้า (Indices of Producer's Shipment) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2544 โดยเฉพาะ Cathode ray tubes for computers, Resistor, Transistors, Silicon diodes และ Silicon wafer ลดลงกว่าร้อยละ 40 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนการจำหน่ายคอมพิวเตอร์ของผู้ผลิตสหรัฐอเมริกา โดยการรายงานของ Electronic Business ในไตรมาส 3 ปี 2544 มีมูลค่าจำหน่าย 16,170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงถึงร้อยละ 35.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เมื่อพิจารณาภาวะตลาดอิเล็กทรอนิกส์โดยรวมแล้ว จะพบว่าภาวะตลาดของประเทศไทย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ได้ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2544 โดยดัชนีของทั้ง 3 ประเทศในปี 2544 ได้มีการปรับตัวอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับปีก่อน

3) การนำเข้า
การนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาสที่ 3 มีมูลค่ารวม 2,424.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 8.9 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 และลดลงร้อยละ 25.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปี 2543 โดยเฉพาะแผงวงจรไฟฟ้า และไดโอด ทรานซิสเตอร์ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ซึ่งลดลงมากกว่าร้อยละ 30 (รายละเอียดแสดงในตารางที่ 5)

จากสถิติของกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ สินค้านำเข้าที่มีมูลค่าสูงสุด 5 อันดับแรกของไทยได้แก่ แผงวงจรไฟฟ้าร้อยละ 46 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ร้อยละ 37 ไดโอด ทรานซิสเตอร์ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ร้อยละ 6 หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบร้อยละ 5 และวงจรพิมพ์ ร้อยละ 4 (รายละเอียดแสดงในรูปที่ 4)

หมายเหตุ
(1) แผงวงจรไฟฟ้า
(2) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
(3) ไดโอด ทรานซิสเตอร์ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ
(4) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
(5) วงจรพิมพ์
(6) ส่วนประกอบเครื่องรับ-ส่งวิทยุโทรศัพท์ โทรเลขและโทรทัศน์
รูปที่ 4 แสดงอัตราส่วนของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นำเข้า 5 อันดับแรกของไทย ไตรมาส 3/2544

ตารางที่ 5 แสดงมูลค่านำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 5 อันดับแรกของไทย ไตรมาส 3 ปี 2544
รายการสินค้า มูลค่าการนำเข้าไตรมาส 3/2544 (ล้านเหรียญสหรัฐฯ) การเปลี่ยนแปลงเทียบกับไตรมาสที่ 3/2543 (ร้อยละ) การเปลี่ยนแปลงเทียบกับไตรมาสที่ 2/ 2544 (ร้อยละ) ตลาดนำเข้าหลัก
1. แผงวงจรไฟฟ้า 1,122.5 -37.5 -15.5 สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์
2. เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 904.5 -5.6 -2.4 สหรัฐอเมริกา จีน ฟิลิปปินส์
3. ไดโอด ทรานซิสเตอร์ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ 136.9 -32.0 -7.9 สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา
4. หม้อแปลงไฟฟ้า และ ส่วนประกอบ 106.9 -19.6 -5.5 จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์
5. วงจรพิมพ์ 91.6 -21.0 6.8 ญี่ปุ่น ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา
ที่มา: กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์

4. แนวโน้ม

อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในตลาดในประเทศ ทั้งนี้เนื่องจากผู้ผลิตทำการส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงสิ้นปีและเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศยังขยายตัวได้ แต่อย่างไรก็ตามตลาดต่างประเทศยังอยู่ในภาวะซบเซาจากการที่ตลาดสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัว ทั้งนี้ Electronic Business1 ได้คาดการณ์การส่งออกสินค้าในกลุ่ม Audio and Video Equipment ของสหรัฐอเมริกาในไตรมาสที่ 4 จะลดลงร้อยละ 9.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทยยังมีความไม่แน่นอนสูง ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2544 ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การฟื้นตัวของประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ประกอบกับผลกระทบจากเหตุการณ์การก่อวินาศกรรมในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงความไม่มั่นใจว่าจะเกิดการก่อวินาศกรรมขึ้นอีกหรือไม่ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลานานออกไปอีกกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว โดย Electronic Business2   คาดว่าภาวะตลาด Semiconductor IC Microprocessor DRAMs และ Computer ในไตรมาส 4 ของปี 2544 จะลดลงร้อยละ 31.2,31, 27.6, 58.4 และ 22.8 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม Semiconductor Industry Association3 คาดว่าสินค้าในกลุ่ม Personal computer และ wireless application เป็นกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มจะเพิ่มการผลิตซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ปริมาณความต้องการ Semiconductor เพิ่มขึ้น ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาปริมาณสินค้าคงคลัง (Inventory) ที่เหลืออยู่ในระดับสูงเริ่มลดลงมาอยู่ในภาวะที่สมดุลแล้ว จึงคาดว่าผู้ผลิต Semiconductor ของโลกจะเพิ่มระดับปริมาณการผลิตให้มากขึ้นหลังจากที่ได้ชะลอการผลิตมาระยะหนึ่ง

1 Electronic Business รายงานเมื่อพฤศจิกายน 2544
2 Electronic Business รายงานเมื่อพฤศจิกายน 2544
3 Semiconductor Industry Association รายงานเมื่อพฤศจิกายน 2544

ที่มา :  สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
(กลุ่ม อก.3 / กนส.1 - น.ส. อัมพรพรรณ วงษ์ท่าเรือ น.ส. เพียงใจ ไชยรังสินันท์ นาย ชัยพร มานะกิจจงกล)

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.