4 เทคโนโลยีสำหรับทศวรรษข้างหน้า

หลายท่านคงจะคุ้นกับชื่อบริษัท การ์ทเนอร์, อิงค์ (Gartner, Inc) บริษัทที่เป็นสถาบัน ที่ปรึกษาและวิจัย ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐ การ์ทเนอร์ มีผลงานวิจัยมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเน้น ในกลุ่มเทคโนโลยี เป็นสำคัญ ในปีนี้ การ์ทเนอร์ ได้วิเคราะห์แนวโน้ม ของเทคโนโลยีสำหรับทศวรรษ ข้างหน้าไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งเทคโนโลยีทั้ง 4 มีดังนี้

เทคโนโลยีลูกค้าสัมพันธ์แบบบริการตนเอง (Customer Self Service)

การ์ทเนอร์ ได้วิเคราะห์ว่าภายในปี พ.ศ. 2548 มากกว่าร้อยละ 70 ของการติดต่อสอบถามข้อมูลและการจัดการธุรกิจ ของลูกค้า จะดำเนินการเป็นแบบอัตโนมัติหรือบริการตนเอง โดยไม่ต้องมีพนักงานมาช่วย เทคโนโลยีนี้จะพัฒนาความสามารถในการจัดการกับข้อมูล และการจัดการธุรกิจที่สลับซับซ้อนได้อย่างง่ายดาย โดยปราศจากมนุษย์ช่วย และอีกทั้งยังช่วยแบ่งเบางานซ้ำๆ ซากๆ จากการติดต่อ ของลูกค้าที่มีปริมาณ เพิ่มขึ้นทุกวันได้อีกด้วย ผลที่ได้จากเทคโนโลยีนี้คือ คุณภาพของลูกค้าสัมพันธ์ที่ดีขึ้น ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่าย ของหน่วยงานลูกค้าสัมพันธ์ และสุดท้ายด้วยค่าใช้จ่ายที่ลดลง ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบ ในการแข่งขันกับคู่แข่งได้สูงขึ้น

เทคโนโลยีสำหรับบริการเวบ (Web Service)

สำหรับการทำธุรกิจในรูปแบบ อี-บิสซิเนส ซึ่งเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในธุรกิจของเรานั้น การ์ทเนอร์ ก็คาดการณ์ไว้ว่า เทคโนโลยีเวบ จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนให้อี-บิสซิเนส ประสบความสำเร็จได้ เทคโนโลยีเวบ จะช่วยให้การพัฒนาโปรแกรมซอฟต์แวร์รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งข้อได้เปรียบนี้ ทำให้องค์กรธุรกิจเข้าสู่ อี-บิสซิเนสได้ง่ายขึ้น ด้วยต้นทุนที่ต่ำ การ์ทเนอร์ บอกว่าองค์กรธุรกิจใดที่ยังไม่ได้เข้าสู่บริการอินเทอร์เน็ต ควรเข้าสู่บริการผ่านอินเทอร์เน็ตได้แล้ว ถึงแม้ว่าในขณะนี้ยังเป็นเพียงแค่ช่วงเรียนรู้ (Learning Curve) ก็ตาม แต่บทเรียนที่ได้จากการเรียนรู้นี้ (ในต้นทุนที่ไม่สูง) จะช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ในอนาคต วันนี้ อินเทอร์เน็ตเวบไซต์ อาจยังไม่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จที่เป็นตัวเงินจริงๆ สำหรับบางธุรกิจ แต่ถ้าหากมีกลไกในการสร้างรายได้และกำไร ถึงเวลานั้นธุรกิจของคุณก็จะเติบโตด้วยเทคโนโลยีเวบได้ทันที

เทคโนโลยีสำหรับคอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ (Wearable Computers)

การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่า มากกว่าร้อยละ 60 ของประชากรของสหรัฐ ที่มีอายุระหว่าง 15 ถึง 50 ปี จะพกพาเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารแบบสวมใส่ อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน ภายในปี พ.ศ. 2550 ด้วยการขยายตัวของการใช้งานอุปกรณ์ไร้สาย ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ มีความสะดวกในการใช้งานสามารถที่จะเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตได้ง่าย เพื่อติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้ด้วยกัน และเพื่อเข้าถึงข้อมูลแบบปัจจุบันทันด่วน การ์ทเนอร์ กล่าวว่า เครื่องคอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ จะเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และบริการอื่นๆ อีกมากมายได้ในอนาคต

เทคโนโลยีสำหรับป้ายสินค้า (Tagging the World)

ภายในปี 2551 การตัดสินใจซื้อขายระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค หรือบิสซิเนส ทู คอนซูเมอร์ (B2C) มูลค่าไม่ต่ำกว่า 90 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และ การตัดสินใจซื้อขายระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ หรือบิสซิเนส ทู บิสซิเนส (B2B) มูลค่าไม่ต่ำกว่า 350 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จะมาจากการพิจารณาจากป้ายสินค้า ที่ประกอบไปด้วย ข้อมูลของสินค้า และความคิดเห็นของผู้บริโภคต่อสินค้านั้นๆ ปัจจุบันนี้ ป้ายสินค้าจะเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ช่วยในการจัดการสินค้า เพื่อผู้ซื้อสามารถที่จะค้นหา และคัดเลือกสินค้าได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่ในอนาคต ป้ายสินค้า จะใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้อย่างถูกต้องมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสามารถบรรจุข้อมูลต่างๆ ได้ ไม่ว่าคำแนะนำ การแสดงความคิดเห็น และงานวิจัยของสินค้านั้นๆ ก็ได้

หวังว่าเทคโนโลยีแห่งอนาคตทั้ง 4 ที่ การ์ทเนอร์ คาดการณ์ไว้ จะช่วยให้คุณเห็นแนวทางในการดำรงชีวิต และดำเนินธุรกิจต่อไปใน 10 ปี ข้างหน้าได้

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ (กรุงเทพไอที) ฉบับวันที่ 10 มกราคม 2545

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.