วินาศกรรมสหรัฐพ่นพิษ ศก.เอเปกทุกชาติหด1%

วินาศกรรมฉุดจีดีพีชาติเอเปกโตเฉลี่ย 1.8%

มาเลย์-อิเหนาขวางถล่มอัฟกัน

แยกแถลงการณ์ต้านก่อการร้าย

รัฐมนตรีการค้าเอเปก ประเมินเศรษฐกิจหลังวินาศกรรมสหรัฐคาดขยายตัวเฉลี่ย 1.8% โดยทุกประเทศมีจีดีพีลดลงโดยเฉลี่ย 1% และเริ่มฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า เห็นพ้องออกแถลงการณ์ต่อต้านการก่อการร้ายแยกจากแถลงการณ์ปกติ พร้อมตัดเส้นเลือดสนับสนุนทางการเงิน

นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการร่วมประชุมรัฐมนตรีการค้ากลุ่มความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ในวันที่ 2 ของการประชุมที่เซี่ยงไฮ้ประเทศจีนว่า รัฐมนตรีการค้าเอเปกได้รับทราบรายงานการประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเอเปก 21 ประเทศ ภายหลังเกิดเหตุการณ์วินาศกรรมในสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงไปมากกว่าเดิม

ทั้งนี้ คาดว่า เศรษฐกิจรวมของเอเปกจะขยายตัวเฉลี่ยอัตรา 1.8% โดยทุกประเทศประสบปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้จีดีพีของทุกประเทศลดลงโดยเฉลี่ย 1% เศษ เช่นไต้หวันจะมีอัตราขยายตัวของเศรษฐกิจ -1% สิงคโปร์ -0.2% ญี่ปุ่น -0.5% ฮ่องกง -0.6% จีนขยายตัวในอัตรา 7% สหรัฐ 1.3% ขณะที่ไทยขยายตัว 2% นอกจากนี้ รัฐมนตรีการค้าเอเปกยังได้ประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2002 โดยคาดว่า กลุ่มเอเปกจะมีอัตราการขยายตัว 2.2% ไทยขยายตัว 4% สหรัฐ 2.2% ซึ่งเศรษฐกิจของทุกประเทศจะค่อยๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้น หรือเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐที่เป็นเศรษฐกิจหลักของโลกจะได้แรงกระตุ้นการบริโภคและสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการใช้จ่ายของประชาชนมากขึ้น "ประเมินกันว่าจะไม่เลวร้ายมาก โดยไตรมาส 2 ปีหน้าจะเริ่มฟื้นตัว ไทยในปีนี้เอเปกประเมินให้ขยายตัว 2% และปีหน้า ขยายตัว 4% ซึ่งเป็นการประเมินหลังเหตุการณ์วันที่ 11 ..และเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้" นายอดิศัย กล่าว สำหรับประเทศในกลุ่มเอเปก ประกอบด้วยออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ไทย สหรัฐ และเวียดนาม

แยกแถลงการณ์ต้านก่อการร้าย

นอกจากประเมินภาวะเศรษฐกิจของเอเปกแล้ว ที่ประชุมยังเห็นพ้องให้มีการออกแถลงการณ์ หรือข้อมติที่แยกออกมาจากแถลงการณ์รวมของรัฐมนตรีเอเปกในเรื่องการต่อต้านการก่อการร้ายเพราะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจของโลก ที่สำคัญรัฐมนตรีเอเปกรวมทั้งผู้นำจะให้ความสำคัญในการตัดเส้นเลือดของผู้ก่อการร้ายโดยตรวจสอบแหล่งเงินทุนและหยุดการไหลเวียนของเงินทุนของผู้ก่อการร้าย ภายหลังจากประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุชเดินทางถึงที่ประชุมคงมีการหารือเรื่องนี้กันชัดเจน นอกจากนี้ได้มีการหารือเกี่ยวกับ การนำระบบการค้าไร้กระดาษมาใช้ในกลุ่มเอเปก โดยให้ประเทศพัฒนาแล้วให้ความช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซ ซึ่งประเทศพัฒนาแล้วตั้งเป้าหมายใช้ระบบการค้าไร้กระดาษในปี 2010 และประเทศกำลังพัฒนาในปี 2020 ขอเม็กซิโกเปิดทางนำเข้าข้าว นายอดิศัยกล่าวต่อว่า ตนได้หารือในระดับทวิภาคีกับรัฐมนตรีการค้าเม็กซิโก ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายตกลงร่วมมือใช้ประเทศเป็นประตูการค้า โดยเม็กซิโกต้องการเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีไทยเป็นศูนย์กลางและสามารถเชื่อมต่อกับจีน และอินเดียได้ ขณะที่ไทยต้องการให้เม็กซิโกเป็นฐานในการเข้าสู่ละตินอเมริกาและอเมริกาใต้ โดยเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการค้าของทั้ง 2 ฝ่ายได้มากขึ้น จากในปีนี้ ที่มีประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นายอดิศัยกล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาข้าวไทยนั้น แม้เม็กซิโกจะเปิดให้นำเข้าได้ แต่ยังมีขั้นตอนการตรวจสอบและปัญหามาก โดยอ้างว่า มีด้วงอิฐอยู่ ซึ่งตนได้ขอให้เม็กซิโกพิจารณาแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็ว รวมถึงปัญหาของการกำหนดราคาขั้นต่ำสับปะรดกระป๋องที่ขัดต่อกฎเกณฑ์ดับบลิวทีโอ ก็ขอให้มีการพิจารณาเพิกถอนโดยเร็ว ขณะที่ฝ่ายเม็กซิโกอ้างว่าป้องกันสินค้าหนีภาษีแต่รับที่จะให้คำตอบกับไทยโดยเร็วทั้ง 2 ประเด็น

ย้ำเวียดนามช่วยตรึงราคาข้าว นอกจากนั้น ยังได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีการค้าของเวียดนาม ซึ่งย้ำถึงความร่วมมือที่มีต่อกันอีกครั้งในการไม่ขายข้าวตัดราคา และในปีนี้เวียดนามแจ้งว่าได้ขายข้าวหมดแล้ว 3.6 ล้านตัน ในราคาที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 25% ซึ่งตนย้ำว่า ต้องหาทางตรึงราคาระดับสูงไว้ให้ได้ เพราะเป็นผลประโยชน์ร่วมทั้ง 2 ฝ่าย โดยคาดว่า ในช่วงที่เหลือก่อนสิ้นปีนี้ภายหลังเวียดนามขายข้าวหมดสต็อกจะทำให้ข้าวไทยราคาสูงขึ้นอีก นายอดิศัย กล่าวว่าในการหารือหัวหน้าคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) ในช่วงเย็นวานนี้ (18) ตนจะหยิบยกประเด็นการขายข้าวของทั้ง 2 ประเทศขึ้นมาหารือด้วย หลังจากได้คุยนอกรอบบ้างแล้ว โดยขอไม่ให้สหรัฐขายข้าวตัดราคาไทย เพราะมีตลาดทับซ้อนกัน 2-3 ตลาดในตะวันออกกลาง พร้อมกับหารือถึงความกังวลของไทยในเรื่องพันธุ์ข้าวหอมมะลิ หลังจากได้ทำจดหมายถึงรัฐมนตรีเกษตร และพาณิชย์ของสหรัฐไปแล้ว

คาด 2 วันรู้ผลที่ประชุมดับบลิวทีโอ สำหรับประเด็นปัญหาของสถานที่ประชุมรัฐมนตรีการค้าโลก ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในการย้ายสถานที่ประชุม แต่จากการหารืออย่างไม่เป็นทางการ หลายประเทศมีความกังวล และมีการพูดถึงให้สิงคโปร์เป็นเจ้าภาพแทน แต่ทางการ์ตาต้องการให้ประชุมที่ประเทศตนเองเพื่อให้เห็นถึงความเชื่อมั่น

อย่างไรก็ตาม การประชุมจะต้องมีขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเปิดเจรจาการค้ารอบใหม่ "คาดว่าใน 1-2 วันคงมีความชัดเจนเกี่ยวกับสถานที่ประชุม" นายอดิศัย กล่าว

มาเลย์-อิเหนาค้านสหรัฐโจมตีอัฟกัน

เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้สหรัฐเรียกร้องชาติสมาชิกกลุ่มเอเปก ช่วยเหลือและสนับสนุนการปราบปรามการก่อการร้าย แต่ที่ประชุมยังคงเห็นไม่ลงรอยกันในเรื่องของการใช้ปฏิบัติการทางทหารนำโดยสหรัฐ เพื่อตอบโต้หลังเกิดเหตุก่อวินาศกรรมร้ายแรงเมื่อวันที่ 11..

อินโดนีเซียและมาเลเซีย ต่างแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับปฏิกิริยาตอบโต้อันรุนแรงที่ขยายวงกว้างขึ้นในโลกมุสลิม ต่อความพยายามของสหรัฐในการกำจัดนายออสมา บิน ลาเดน ผู้ต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการก่อการร้าย รวมถึงไม่เห็นด้วยกับการโจมตีอัฟกานิสถาน ยังผลให้เกิดปัญหาทางการเมืองอย่างรุนแรงภายในประเทศ

นายอเล็กซานเดอร์ ดาวเนอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลียเปิดเผยหลังเจรจาทวิภาคีกับอินโดนีเซียและมาเลเซียว่า ทั้ง 2 ประเทศต่างกำลังพิจารณาอย่างรอบคอบในการหาแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในกลุ่มมุสลิม เพื่อเหตุผลภายในประเทศ จึงเห็นว่า ที่ประชุมเอเปกไม่ควรละเลยความวิตกกังวลของทั้ง 2 ประเทศ

ขณะที่นายอิกอร์ อิวานอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเปกมีความเห็นพ้องต้องกันในระดับสูง แต่ไม่ได้หมายความว่าเห็นพ้องต้องกันในทุกเรื่อง ส่วนจีนเจ้าภาพเห็นว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลกควรจะเป็นประเด็นหลักของการประชุมเอเปก โดยที่ประชุมควรหาทางทำให้เศรษฐกิจหลุดพ้นจากภาวะชะลอตัว และก้าวไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชของสหรัฐ ได้เดินทางถึงนครเซี่ยงไฮ้แล้วโดยเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันตั้งแต่ค่ำวานนี้ตามเวลาในไทย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ซึ่งนับเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของผู้นำสหรัฐ หลังจากเกิดเหตุก่อวินาศกรรม และมีรายงานการระบาดของโรคแอนแทรกซ์ เชื้อแบคทีเรียอันตรายที่ใช้ในการผลิตอาวุธเชื้อโรค

กรุงเทพธุรกิจ  19-10-44

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.