ผลการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก ครั้งที่ 4

ที่ประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก (WTO) ครั้งที่ 4 ได้มีมติเห็นชอบให้มีการเปิดการเจรจาการค้ารอบใหม่ โดยกำหนดให้การเจรจาสิ้นสุดในวันที่ 1 มกราคม 2548 และได้มีมติให้มีการตั้งคณะกรรมการเจรจา การค้าขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลการเจรจา โดยให้มีการประชุมครั้งแรกภายในวันที่ 31 มกราคม 2545

การประชุมครั้งนี้ถือว่าประสบผลสำเร็จ โดยผลการเจรจาเป็นไปตามท่าทีของไทยในเรื่องต่างๆที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ได้แก่ เกษตร สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ กฎระเบียบของ WTO สิ่งแวดล้อม เรื่องใหม่ๆคือ การลงทุน นโยบายการแข่งขัน การจัดซื้อจัดหาโดยรัฐ และการอำนวยความสะดวกทางการค้า และปฏิญญารัฐมนตรี เรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้าและการสาธารณสุข

ในเรื่องเกษตรนั้น ไทยได้ร่วมกับกลุ่มเคร์นส์สามารถผลักดันให้มีเป้าหมายการเจรจาสินค้าเกษตรตามที่ต้องการ คือ ให้เปิดตลาดสินค้าเกษตรมากขึ้น ลดการอุดหนุนการผลิตภายในที่บิดเบือนตลาดและลดการอุดหนุน ส่งออกลงต่อไปอีก โดยการอุดหนุนส่งออกจะต้องยกเลิกในที่สุด และให้มีการให้แต้มต่อแก่ประเทศกำลังพัฒนาในการปฏิบัติตามพันธกรณีด้วย

สำหรับเรื่องสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ไทยได้ผลักดันให้ปฏิญญารัฐมนตรีเปิดโอกาสให้สมาชิกเจรจาเพื่อให้ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (geographical indications) เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่จะให้ความคุ้มครองขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 2 ชนิด คือ สุราและไวน์ ครอบคลุมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วย เช่นในกรณีของประเทศไทย ให้เพิ่ม "ข้าวหอมมะลิไทยและไหมไทย" ด้วย ซึ่งไทยจะต้องเจรจาต่อไป

ส่วนในเรื่องกฎระเบียบของ WTO ไทยได้ผลักดันให้มีการแก้ไขความตกลงเรื่องการทุ่มตลาด (anti-dumping) และการอุดหนุน (subsidies) ซึ่งในปฏิญญารัฐมนตรีฯ ได้กำหนดให้มีการเจรจาเพื่อแก้ไขปรับปรุงความตกลงทั้งสองให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การแก้ไขความตกลงดังกล่าวจะไม่มีผลถึงการแก้ไขกฎหมายภายในของประเทศสมาชิก นอกจากนี้ ยังได้นำเอาเรื่องการอุดหนุนสินค้าประมงมาอยู่ใต้บังคับของความ ตกลงว่าด้วยการอุดหนุนด้วย

สิ่งแวดล้อม ประเทศไทยได้ร่วมกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆต่อต้านไม่ให้สหภาพยุโรปนำเอาเรื่องที่จะห้ามนำเข้าโดยไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ (precautionary principle) ได้เป็นผลสำเร็จ

เรื่องใหม่ๆจากการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกที่สิงคโปร์ (การลงทุน นโยบายการแข่งขัน การจัดซื้อจัดหาโดยรัฐและการอำนวยความสะดวกทางการค้า) ไทยและประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่สามารถผลักดันให้มีการศึกษาในรายละเอียดในทั้ง 4 เรื่องต่อไปจนถึงการประชุมรัฐมนตรีครั้งที่ 5

นอกจากนี้ ไทยสามารถผลักดันให้มีการยอมรับปฏิญญารัฐมนตรีเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้าและการสาธารณสุข โดยในเรื่องยาที่จำเป็นต่อชีวิต ไทยได้ร่วมกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ผลักดันให้องค์การการค้าโลกยอมรับว่าประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดกำลังประสบปัญหาวิกฤตด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคเอดส์ วัณโรค มาลาเรีย และโรคระบาดอื่นๆ และให้มีการตีความข้อตกลงทรัพย์สินทางปัญญาในทางที่อะลุ้มอะล่วยเพื่อให้ประเทศเหล่านี้สามารถใช้มาตรการต่างๆ เพื่อเป็นหลักประกันว่า ประชาชนโดยทั่วไปจะสามารถซื้อยาที่จำเป็นได้โดยสะดวกและในราคาที่พอควร

และที่สำคัญ ประเทศสมาชิกตกลงที่จะให้มีการทบทวนบทบัญญัติว่าด้วยการปฏิบัติเป็นพิเศษและ แตกต่างทั้งหมดที่ปรากฏในความตกลงต่างๆของ WTO ให้เข้มแข็งขึ้น และเพิ่มความชัดเจนรวมทั้งประสิทธิภาพของบทบัญญัติดังกล่าวให้สามารถนำมาใช้ในทางปฏิบัติได้ดีขึ้น จึงได้ให้การรับรองแผนงานในเรื่องนี้ที่ระบุอยู่ใน ข้อตัดสินใจว่าด้วยปัญหาการปฏิบัติตามพันธกรณีความตกลง WTO นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกเน้นย้ำว่าความร่วมมือทางวิชาการและการเสริมสร้างศักยภาพเป็นองค์ประกอบหลักของระบบการค้าพหุภาคีและได้ระบุเป็นพันธกรณีในเรื่องนี้ไว้ในหลายหัวข้อของปฏิญญารัฐมนตรี

สำหรับท่าทีของประเทศสมาชิกอื่น นั้น ทั้งประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนาขนาดเล็กและขนาดกลางมีท่าทีสนับสนุนการเปิดเจรจาการค้าเสรีมากขึ้น โดยกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า หากไม่สามารถเปิดการเจรจาได้ จะเกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อการค้าโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายในประเทศสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2544 เป็นต้นมา แม้กระทั่งญี่ปุ่นที่คัดค้านการเปิดเสรีการค้าสินค้าเกษตรมา ตั้งแต่ต้น ก็ได้ผ่อนปรนท่าทีของตนลงอย่างมาก พร้อมกับประกาศยอมรับร่างปฏิญญารัฐมนตรีทันทีเมื่อคณะผู้แทนได้เดินทางถึงกรุงโดฮา ในขณะที่สหรัฐฯ ก็แสดงความยืดหยุ่นยอมรับเรื่องให้มีการเจรจาเรื่องการทุ่มตลาดได้ ซึ่งแต่เดิมรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกกดดันจากฝ่ายการเมืองในประเทศไม่ให้มีการเจรจาเรื่องนี้

ปฏิญญารัฐมนตรีที่กรุงโดฮานี้ มีทั้งประเทศสมาชิกที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ในบางเรื่อง ไม่มีสมาชิกใดจะได้ประโยชน์ในทุกเรื่อง ทั้งนี้ เพื่อก่อให้เกิดความสมดุลของผลประโยชน์ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม การเปิดการเจรจาการค้าเสรีครั้งนี้ จะเป็นผลดีต่อการกระตุ้นประโยชน์ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม การเปิดการเจรจาการค้าเสรี ครั้งนี้ จะเป็นผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโลกที่ซบเซามานานให้ฟื้นตัวดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง

โดยที่ปฏิญญารัฐมนตรีเป็นเพียงกรอบและทิศทางการเจรจาเท่านั้น จากนี้ไปจนถึงปลายปี 2547 สมาชิก WTO รวมทั้งไทยจะต้องเริ่มเข้าสู่การเจรจาในรายละเอียดที่จะทวีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ไทยจึงต้องผลักดันในสิ่งที่ไทยต้องการให้บรรลุผลสำเร็จ เช่น เรื่องสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้าวหอมมะลิและไหมไทย และการเจรจาเปิดเสรีการค้าสินค้าเกษตร เป็นต้น เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจการค้า และสังคมไทย

กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ 

12 ธันวาคม 2544

 
Home | About us | INET | ITE| PTEC | MTS | NTJ | Software Park
National Electronics and Computer Technology Center (NECTEC)
Copyright ©2001 By Information System Service Section. All rights reserved.