
🖍️ ผู้เขียน : ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์และ ทีมพัฒนา NETPIE
จุดเริ่มต้น : เมื่อลมของ “IoT” เริ่มพัดมา
ช่วงปี 2014 คำว่า “Internet of Things” หรือ IoT เริ่มเข้าสู่วงการเทคโนโลยีไทยอย่างจริงจัง จากบทวิเคราะห์ระดับโลกสู่เวทีงานสัมมนา และสินค้าที่อวดโชว์ความอัจฉริยะ “IoT” กลายเป็นคำที่ใครๆ ก็พูดถึง “บ้านอัจฉริยะ” เริ่มเป็นกระแส หลอดไฟควบคุมผ่านแอป ตู้เย็นที่ส่งแจ้งเตือน และเครื่องปรับอากาศที่เรียนรู้พฤติกรรมเจ้าของบ้าน
ทุกอย่างดูหรูหรา ทันสมัย น่าตื่นเต้น และดูเหมือนจะอยู่ไกลออกไปอีกพอสมควร แต่ในอีกฟากหนึ่งของโลกเทคโนโลยี กลับมีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ และเปลี่ยนโลกจริงไปทีละนิด
ในวันที่เรายังต้องพึ่งพา Embedded Board แพงๆ เช่นพวก x86 หรือ ARM แบบมี Full OS หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์กับอินเทอร์เน็ต แต่แล้ว Arduino และ Raspberry Pi ได้เปิดประตูแรก ให้คนธรรมดาเริ่มทดลองกับไมโครคอนโทรลเลอร์ได้ด้วยงบไม่ถึงพันบาท
และเมื่อ ESP8266 ปรากฏตัว …โลกก็เปลี่ยน
ชิป Embedded System ที่มาพร้อมโมดูล Wi-Fi ที่ทำให้บอร์ดราคาไม่ถึงร้อยสามารถเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ได้โดยไม่ต้องมี PC และจากนั้น NodeMCU ก็กลายเป็นบอร์ดสามัญประจำบ้านของนักพัฒนา IoT ตอนนั้นเอง “ของเล่น” อย่างการสั่งเปิดไฟผ่านแอปเริ่มกลายเป็น “โอกาส” ที่คนลงมือทำจริงเริ่มมองเห็น
แต่เมื่ออุปกรณ์เริ่มพูดได้… ใครกันจะเป็นคนฟัง?
MQTT และ Cloud : โลกของอุปกรณ์พูดได้เริ่มมีผู้ฟัง
การที่อุปกรณ์พูดคุยกันได้ ไม่ใช่แค่เรื่องของฮาร์ดแวร์ แต่ต้องอาศัยระบบคลาวด์ที่เข้าใจ และรูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสม
MQTT คือพระเอกเงียบของวงการ แต่ทรงพลังที่สุด
โปรโตคอลที่เบา รวดเร็ว และเข้าใจธรรมชาติของอุปกรณ์ IoT ที่ทำให้การส่งข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกหลายอุปกรณ์ ไม่ต้องมีการร้องขอแบบ HTTP อีกต่อไป ขณะเดียวกัน Cloud platform เริ่มแพร่หลาย ทั้ง IaaS, PaaS, SaaS ถูกพูดถึง ทุกอย่างไหลไปได้แบบไร้แรงต้าน แต่ยังไม่มีใครพูดถึง “แพลตฟอร์ม IoT” ที่ออกแบบมาเพื่อนักพัฒนาโดยเฉพาะ
NETPIE: ไม่ใช่แค่เปิดไฟ แต่เปิดโลก
เมื่อเราสาธิตการสั่งเปิดหลอดไฟจากมือถือ คำถามที่ได้มักเป็น…
“แล้วหลอดไฟนี้ขายเท่าไหร่?”
“ทำไมไม่ทำเป็นระบบ smart home ขายล่ะ?”
“จะทำ platform ไปทำไม คนเขาอยากได้ของจับต้องได้”
ในเวลาที่หลายคนยังมองหา “ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป” คำตอบเหล่านั้นไม่ได้ผิด แต่มันชี้ให้เห็นว่าภาพใหญ่ที่เราเห็น ยังไม่ได้อยู่ในสายตาของใครหลายคน เราพยายามอธิบายว่า สิ่งที่เรากำลังสร้างคือ “แพลตฟอร์ม” ที่ใครๆ ก็สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ของตนเองได้ ไม่ต้องตั้งเซิร์ฟเวอร์เอง ไม่ต้องเขียน MQTT เอง ไม่ต้องจัดการ Cloud เอง เรารู้ว่าสิ่งที่เรากำลังพูด มัน “เร็วไปหน่อย” สำหรับยุคนั้น
คำว่า Ecosystem หรือ API ยังไม่ติดหู
คำว่า “IoT Platform” ฟังดูเป็นเรื่องไกลตัว
16 กันยายน 2558
วันที่ NETPIE ปรากฏตัวต่อสาธารณะ
เราปล่อย NETPIE รุ่นแรกสู่ผู้ใช้ พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้าง IoT device ที่เชื่อมต่อกันได้ แม้จะยังไม่สมบูรณ์ มีคำบ่น มีเสียงผิดหวัง แต่เรารู้ดีว่าการเปลี่ยนผ่านไม่ใช่เรื่องของ “ความพร้อม” เพียงวันเดียว จะต้องใช้ “ความเชื่อ” และ “ความต่อเนื่อง” เพราะเราไม่ได้แค่เปลี่ยนเทคโนโลยี
แต่เรากำลังเปลี่ยน “วิธีคิด” จากการรอซื้อของสำเร็จรูป
ไปสู่การลงมือสร้างโลกอัจฉริยะของตัวเอง
จาก IoT สู่ AIoT: เมื่ออุปกรณ์ไม่ได้แค่เชื่อมต่อ แต่เพิ่ม “ความฉลาด”
เวลาผ่านไป 10 ปี …วันนี้ อุปกรณ์ไม่ได้แค่เชื่อมโยงกัน แต่มันเรียนรู้ วิเคราะห์ และตัดสินใจได้เอง นี่คือก้าวต่อไปของ NETPIE
จาก IoT สู่ AIoT
ที่ไม่ได้แค่ส่งข้อมูล แต่เข้าใจบริบท
และ “ตอบสนองได้อย่างอัจฉริยะ”
เราไม่ได้หยุดแค่การเชื่อมต่อหลอดไฟ แต่เรากำลังเชื่อมเมือง ฟาร์ม โรงงาน และระบบธุรกิจ ให้กลายเป็นเครือข่ายอัจฉริยะ ที่เรียนรู้และปรับตัวไปพร้อมกับผู้ใช้งาน แล้วคุณล่ะ… อยู่ตรงไหนในเส้นทาง 10 ปีนี้?
ในวาระ 10 ปีของ NETPIE และ IoT ไทย
เราขอชวนคุณย้อนกลับมามองจุดเริ่มต้นของคุณอีกครั้ง
บางทีเรื่องราวในวันนั้น…
อาจกลายเป็นแรงบันดาลใจของใครสักคนในวันพรุ่งนี้
ขอชวนชาว IoT ทุกสาย ทั้ง SI นักพัฒนา นักอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการที่สนใจ มาพบกันที่งานสัมมนา “10 ปี IoT ไทย : จาก NETPIE สู่อนาคตแห่งการเชื่อมต่อสรรพสิ่งด้วย AIoT” มาแลกเปลี่ยนมุมมองและมารู้จักกับแพลตฟอร์ม AIoT ใหม่ สำหรับภาคธุรกิจ โรงงาน และผู้ประกอบการ วันที่ 8 สิงหาคม 2568 ณ อาคารสราญวิทย์ (SD-601) อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี
ลงทะเบียนไว้เลย ก่อนที่เต็ม!
https://www.nstda.or.th/r/0ts5Y