UNAi เทคโนโลยีที่ไปไกลกว่าการ”บอกตำแหน่ง” แต่ชี้ให้เห็นว่า ‘ต้องปรับอะไร’ เพื่อให้ธุรกิจเดินไวขึ้น

Share to...
Facebook
X

ส่องเคสจริงจากโรงงาน โรงพยาบาล และธุรกิจบริการที่ใช้ UNAi ยกระดับการทำงานแบบ Smart Operation

ในยุคที่ทุกธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อแข่งขัน การทำงานที่เร็วขึ้น และ ฉลาดขึ้น คือหัวใจสำคัญ เทคโนโลยีจึงกลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการระบุตำแหน่งแบบเรียลไทม์ (Real-Time Location System: RTLS) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดแห่งอนาคตอีกต่อไป แต่เป็นตลาดโลกที่กำลังเติบโตอย่างมหาศาล รายงานจาก Research and Markets คาดการณ์ว่าตลาดนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 14.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 และจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดด้วยอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่สูงถึง 29.8% ในช่วงปี 2025 – 2029 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการมหาศาลในการนำข้อมูลตำแหน่ง มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เนคเทค สวทช. จัดงานสัมมนา UNAI DAY 2025 เพื่อนำเสนอ “UNAi (อยู่ไหน)” เทคโนโลยีระบุตำแหน่งในอาคารฝีมือคนไทย ซึ่งเป็นโซลูชันที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจคว้าโอกาสจากเทรนด์ระดับโลกนี้และก้าวสู่การทำงานยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง 

Table of Contents

ทำความรู้จัก UNAi เทคโนโลยีเบื้องหลัง Smart Operation

UNAi (อยู่ไหน) คือ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีระบุตำแหน่งภายในอาคารความแม่นยำสูงที่พัฒนาโดยทีมวิจัยเนคเทค สวทช. หลักการทำงานของระบบประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ 1) แท็ก (Tag) อุปกรณ์ส่งสัญญาณขนาดเล็กที่นำไปติดกับวัตถุหรือบุคคลที่ต้องการติดตาม 2) แองเคอร์ (Anchor) อุปกรณ์รับสัญญาณที่ติดตั้งตามจุดต่าง ๆ ภายในอาคารเพื่อรับข้อมูลจากแท็ก และ 3) เซิร์ฟเวอร์ (Server) ระบบประมวลผลกลางที่คำนวณตำแหน่งของแท็กแบบเรียลไทม์

ภาพจาก: “UNAI” เทคโนโลยีระบุตำแหน่งภายในอาคาร เสริมแกร่งธุรกิจจัดงานอีเวนต์ https://www.nstda.or.th/home/news_post/unai-mice/

จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้ คือ ความยืดหยุ่นในการเลือกใช้เทคโนโลยี โดยใช้ Ultra-Wideband (UWB) สำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูงสุดระดับเซนติเมตร หรือการใช้ Bluetooth Low Energy (BLE) สำหรับการใช้งานในลักษณะอื่น ๆ ที่คุ้มค่ากว่า นอกจากนี้ ระบบยังถูกออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย ใช้พลังงานต่ำ รองรับการติดตามแท็กจำนวนมาก และที่สำคัญคือ มี API ให้นักพัฒนาและ System Integrator (SI) นำไปต่อยอด เพื่อสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์เฉพาะทางของแต่ละธุรกิจได้โดยตรง

ดร.กมล เขมะรังษี นักวิจัยอาวุโส ทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย เนคเทค สวทช. เล่าว่า UNAi เป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับสู่ Industry 4.0 สอดคล้องกับดัชนีชี้วัด Thailand i4.0 Index ที่ สวทช. พัฒนาขึ้นเพื่อเป็นมาตรฐานกลางในการประเมินความพร้อมของภาคอุตสาหกรรมไทย จากการที่ สวทช. ได้ประเมินโรงงานในประเทศไปแล้วกว่า 200 แห่ง พบว่าส่วนใหญ่ยังอยู่ในอุตสาหกรรมระดับ 1-2 ซึ่งพึ่งพาแรงงานเป็นหลัก เทคโนโลยี UNAi จึงเข้ามาเป็นคำตอบสำคัญในการยกระดับองค์กร

“UNAi จะเข้ามาตอบโจทย์ดัชนีชี้วัด Thailand i4.0 Index ซึ่งมี 6 มิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติ Smart Operation กล่าวคือ ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนจากการทำงานแบบเดิม ไปสู่การทำงานที่ระบบสามารถตรวจจับและแจ้งเตือนความผิดปกติได้เองโดยอัตโนมัติ และยังสามารถนำข้อมูลตำแหน่งไปวิเคราะห์ต่อยอดด้วย AI เพื่อช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งช่วยให้อุตสาหกรรมสามารถขยับสู่ Industry 4.0 ได้” ดร.กมล อธิบาย

UNAi ใช้ทำอะไรได้จริง ส่องเคสตัวอย่างจากผู้ใช้งาน

ลดขั้นตอน เพิ่มความเป๊ะ ในโรงงานและคลังสินค้า

บริษัท ยูไนเต็ดคอล์ยเซ็นเตอร์ จำกัด (UCC) โดย ดร.ธนทัต พสุภา ผู้ช่วยผู้บริหารระดับสูงฝ่าย Manufacturing ได้เล่าถึงความท้าทายในโรงงานที่ต้องเคลื่อนย้ายม้วนเหล็กน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม จนถึง 15 ตัน ด้วยเครนเหนือศีรษะ เดิมพนักงานต้องสแกนบาร์โค้ด 2 ครั้งที่ม้วนเหล็กและพื้นที่จัดเก็บเพื่อติดตามตำแหน่งซึ่งมักเกิดความผิดพลาดจากการลืมหรือสแกนพลาดด้วยปริมาณสินค้ามหาศาล ทำให้ข้อมูลตำแหน่งในระบบไม่ตรงกับความเป็นจริง กระทบโดยตรงไปถึงการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าที่อาจล่าช้าเพราะหาของไม่เจอ โรงงานจึงได้นำ UNAi UWB เข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยพนักงานจะสแกนบาร์โค้ดที่ตัวม้วนเหล็กเพียงครั้งเดียวเมื่อเครนยกสินค้าขึ้น ระบบจะทำการเชื่อม Lot Number ของสินค้าเข้ากับตำแหน่งของเครนในขณะนั้นโดยอัตโนมัติ ทำให้ข้อมูลตำแหน่งแม่นยำแบบเรียลไทม์

“ผลที่ได้รับชัดเจน คือ ขั้นตอนการทำงานลดลงจากสแกน 2 ครั้งเหลือ 1 ครั้ง ทำให้ประหยัดเวลาและ Material Flow ดีขึ้นมาก ทำให้สามารถเห็นภาพรวมของงานที่รอคิวในแต่ละสถานีได้ดีขึ้น และนำข้อมูลเวลาที่รอคอยไปใช้วางแผนการผลิตในอนาคตได้” ดร.ธนทัต อธิบาย

เช่นเดียวกันกับ คุณธีรพัฒน์ ทองสุโชติ จากบริษัท สมาร์ท เซนส์ อินดัสเตรียล ดีไซน์ จำกัด ในฐานะ SI ของโรงงานรองเท้า PANGOLIN ที่นำจุดเด่นของ UNAi ในการเลือกใช้เทคโนโลยีมาปรับให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า โดยทีม SmartSense เลือกใช้เทคโนโลยี Bluetooth Low Energy หรือ BLE ที่มีความคุ้มค่ากว่า UWB มาใช้ติดตามรถเข็นประมาณ 80 ตัว และตัวรับสัญญาณประมาณ 10 จุด เพื่อติดตามกระบวนการผลิตทั้งหมด และนำข้อมูลการเข้าออกของรถเข็นแต่ละคันมาสร้างเป็น Heatmap ทำให้โรงงานเห็นภาพได้ทันทีว่าจุดที่เป็นคอขวดเกิดจากอะไรและเข้าไปแก้ไขได้ตรงจุด ซึ่งช่วยได้ทั้งในเรื่องเพิ่มปริมาณการผลิต ลดเวลาที่สูญเสีย และ ติดตามของเสีย จากเดิมที่มองไม่เห็นว่างานไปกองรอหรือเกิดปัญหาคอขวดที่สถานีใด

ลดเวลารอคอย เพิ่มความปลอดภัย ในโรงพยาบาล

ภาคสาธารณสุขเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีการนำเทคโนโลยี RTLS ไปใช้อย่างแพร่หลายเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรและยกระดับการดูแลผู้ป่วย คุณสันติ คุ้มจิตร Assistant Front Service Manager จาก โรงพยาบาลกรุงเทพเมืองราช เล่าถึงปัญหาสำคัญของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ คือ อุปกรณ์เคลื่อนย้ายผู้ป่วย เช่น รถเข็นและเปลนอน มักถูกนำไปใช้แล้วทิ้งไว้ตามวอร์ดต่าง ๆ เมื่อมีผู้ป่วยรายใหม่ โดยเฉพาะในเวลาเร่งด่วน เจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลาค้นหา ส่งผลต่อความปลอดภัยและความพึงพอใจของผู้ป่วยโดยตรง หลังจากนำ UNAi BLE มาใช้ติดตามตำแหน่งของอุปกรณ์เคลื่อนย้ายผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่เฉพาะในโซนพื้นที่ทำงาน ทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนกลางสามารถมองเห็นภาพรวมผ่านหน้าจอได้ทันทีว่าเจ้าหน้าที่อยู่โซนไหน หรือ มีรถเข็นตกค้างอยู่ที่วอร์ดใด ทำให้สามารถกระจายงานและนำอุปกรณ์กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

“ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คือ จำนวนครั้งในการค้นหารถนั่งหรือเปลนอนไม่พบลดลงจนเป็นศูนย์ จากเดิมที่หาไม่พบเฉลี่ยมากกว่า 5 ครั้งต่อวัน ทำให้อุปกรณ์ของเราหมุนเวียนและนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า ส่วนอัตราการให้บริการผู้ป่วยภายใน 5 นาที ก็ทำได้เกินเป้าหมายมากกว่า 80% และอัตราความพึงพอใจของลูกค้าก็สูงขึ้นเป็น 99.1% จากเดิมที่ต่ำกว่า 90%” คุณสันติ กล่าวเสริม

ขณะเดียวกัน ดร.ทิวัตถ์ พงศ์ถาวรกมล หัวหน้าทีมวิจัยระบบระบุตำแหน่งและบ่งชี้อัตโนมัติ กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย เนคเทค สวทช. ได้เล่าถึง UNAi BLE Smart Plug ที่ช่วยตอบโจทย์ Smart Hospital ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งไม่ได้หยุดแค่การติดตามตำแหน่งเครื่องมือแพทย์และครุภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังมีการติดตั้งโมดูล IoT ที่ปลั๊กไฟเพื่อวัดอัตราการใช้พลังงานควบคู่กันไป ทำให้โรงพยาบาลรู้ได้ทันทีว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นอยู่ที่ไหนและถูกใช้งานจริงหรือไม่

นอกจากนี้ ดร.กมล ยังได้ยกตัวอย่างความร่วมมือกับทีมวิจัยของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่นำ UNAi BLE ไปใช้กับซอฟต์แวร์ Wheel-B ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการโลจิสติกส์ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยในโรงพยาบาลของทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือน Grab ในโรงพยาบาล สำหรับเรียกใช้บริการเวรเปล ที่ช่วยลดความสูญเปล่าในการติดต่อสื่อสาร ลดระยะเวลารอคอยของผู้ป่วย

“ที่สำคัญข้อมูลที่ได้ยังสามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจเชิงบริหาร เช่น หากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าเปลผู้ป่วยถูกใช้งานจริงเพียง 15% ผู้บริหารก็สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการยืนยันว่ายังไม่จำเป็นต้องจัดซื้ออุปกรณ์เพิ่ม ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด” ดร.กมล อธิบาย

เสริมความปลอดภัย ต่อยอดไอเดียสร้างสรรค์ในสำนักงานและธุรกิจบริการ

ศักยภาพของ UNAi ยังขยายไปสู่การใช้งานในมิติอื่น ๆ ที่น่าสนใจทั้งในด้านความปลอดภัย สามารถใช้ติดตามการเดินตรวจตราของเจ้าหน้าที่ รปภ. ขณะเดียวกัน เนคเทค สวทช. เองก็ได้นำระบบนี้มาใช้ตรวจสอบว่าพนักงานทุกคนไปยังจุดรวมพลอย่างปลอดภัยหรือไม่ระหว่างการซ้อมหนีไฟ ระยะเวลาที่ใช้ออกไปจุดรวมพล พิกัดของพนักงานที่ตกค้างภายในอาคาร รวมถึงใช้ติดตามครุภัณฑ์มูลค่าสูง เพื่อลดขั้นตอนในการตรวจนับพัสดุประจำปี นอกจากนี้ในมิติของธุรกิจบริการ UNAi ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในงานแสดงสินค้าที่ ไบเทค บางนา เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการเดินของผู้เข้าชมงาน ทำให้ผู้จัดทราบว่าโซนใดได้รับความนิยมเป็นพิเศษอีกด้วย

เบื้องหลังความสำเร็จ Ecosystem ที่พร้อมสนับสนุน

ความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีไปใช้จริงไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากระบบนิเวศ (Ecosystem) หรือความร่วมมือที่แข็งแกร่งของพันธมิตรในแต่ละส่วน ซึ่งเริ่มต้นจาก เนคเทค สวทช. ในฐานะผู้คิดค้นและพัฒนาแพลตฟอร์ม จากนั้นจึงมีผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน อย่าง AIS Business ที่เข้ามาวางรากฐานการเชื่อมต่อที่สำคัญ เช่น 5G, Cloud และ Data Center 

โดย คุณภุชงค์ เจริญสุข ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ได้เปรียบเทียบไว้อย่างเห็นภาพว่า “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลก็เหมือนไฟฟ้า ประปา ที่ต้องวางรองรับไว้ก่อน เพื่อให้เทคโนโลยีทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ”

 และส่วนสุดท้ายที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ผู้เชื่อมต่อและประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อย่าง SI (System Integrator) ที่ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเทคโนโลยีกับผู้ใช้งานจริง อย่าง บริษัท ทีทีที บราเธอร์ส จำกัด และ บริษัท สมาร์ท เซนส์ อินดัสเตรียล ดีไซน์ จำกัด ที่จะเข้าไปรับโจทย์จากธุรกิจ แล้วนำเทคโนโลยี UNAi มาปรับแก้และประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละองค์กร

ด้านคุณธีวินท์ นิ่มกิตติกุล Chief Executive Officer บริษัท ทีทีที บราเธอร์ส จำกัด ได้ให้มุมมองว่า “อุปสรรคที่ยากที่สุดในการทำ Digital Transformation คือเรื่องคน แต่ UNAi เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ทำงานเบื้องหลังโดยที่พนักงานแทบไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรม”

คุณธีวินท์ ยังได้ยกตัวอย่างบทบาทของ SI ในการนำ UNAi UWB ไปผนวกรวมกับระบบ ERP ของบริษัท เพื่อสร้างโซลูชันสำหรับคลังสินค้าที่มีการหมุนเวียนเร็วและไม่มีตำแหน่งจัดเก็บที่ตายตัว โดยเมื่อรถโฟล์คลิฟท์นำสินค้าไปวาง ณ จุดใด ระบบจะใช้ข้อมูลตำแหน่งจาก UNAi บันทึกที่เก็บโดยอัตโนมัติ และเมื่อต้องการนำของออก ระบบก็จะแนะนำเส้นทางให้รถไปยกออกมาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาโลจิสติกส์ที่ซับซ้อนด้วย API ที่เชื่อมต่อได้ง่าย

เริ่มต้นกับ UNAi ด้วยกลไกสนับสนุนจาก สวทช.

สวทช. มีกลไกสนับสนุนผู้ประกอบการที่สนใจเทคโนโลยี UNAi ในทุกขั้นตอนอย่างครบวงจร โดยแบ่งตามหน่วยงานหลักดังนี้

  • โปรแกรม ITAP (Innovation and Technology Assistance Program) ให้คำปรึกษาและจับคู่ผู้เชี่ยวชาญสำหรับธุรกิจที่มีปัญหาแต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ITAP จะช่วยวิเคราะห์โจทย์เบื้องต้นและจับคู่กับผู้เชี่ยวชาญให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการ Implementation ช่วยแบ่งเบาภาระให้ SME ที่ต้องการนำเทคโนโลยีไปใช้งานจริง โดยสนับสนุนสูงสุด 50% หรือไม่เกิน 200,000 บาทต่อโครงการ
  • ฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BID) ให้ทุนพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบ 500,000 บาท สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับสิทธิ์ในเทคโนโลยีและต้องการนำไปพัฒนาเพื่อทดสอบตลาดและให้ทุนเพื่อเร่งการเติบโตและขยายตลาดอีก 500,000 บาท สำหรับใช้ในกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดโดยเฉพาะ หลังจากมีผลิตภัณฑ์แล้ว
  • สำนักงานจัดการสิทธิเทคโนโลยี (TLO) อำนวยความสะดวกด้านการใช้สิทธิ์ (Licensing) ทำหน้าที่ดูแลเรื่องการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ในผลงานวิจัยของ สวทช. เพื่อให้เอกชนนำไปใช้ต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้อย่างถูกต้อง ภายใต้เงื่อนไขที่ยืดหยุ่นและสามารถเจรจาให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจได้

การที่เทคโนโลยีไทยอย่าง UNAi สามารถตอบโจทย์ที่ซับซ้อนในภาคอุตสาหกรรมและบริการได้จริง ยืนยันว่าศักยภาพของนักวิจัยไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก UNAi ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะจุด แต่ถูกวางรากฐานเพื่อเติบโตเป็นธุรกิจเทคโนโลยีที่พร้อมจะแข่งขันในตลาดโลก สำหรับผู้ประกอบการไทย การเลือกใช้เทคโนโลยี UNAi จึงไม่ใช่แค่การซื้อโซลูชัน แต่คือการลงทุนในอนาคตขององค์กร เพื่อก้าวสู่การทำงานยุคใหม่ที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน

ผู้ประกอบการที่สนใจขอรับถ่ายทอดเทคโนโลยี ...

ฝ่ายพัฒนาเครือข่ายเชิงกลยุทธ์และประเมินผล (SPE) งานพัฒนาพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ (SPDS)
email: business@nectec.or.th หรือ UNAi@nstda.or.th
สามารถศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ https://home.lailab.online/