
8 สิงหาคม 2568 – กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) จัดกิจกรรม “10 ปี IoT ไทย: จาก NETPIE สู่อนาคตแห่งการเชื่อมต่อสรรพสิ่งด้วย AIoT” ชี้บทบาทสำคัญของแพลตฟอร์ม NETPIE ในการวางรากฐานระบบนิเวศ IoT ของไทย พร้อมเปิดมุมมองอนาคตการประยุกต์ใช้ AI ผสาน IoT (AIoT) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมและชีวิตประจำวันในยุคดิจิทัล โดยมี ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ เนคเทค สวทช. กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค สวทช., ดร.สุทัด ครองชนม์ นายกสมาคมไทยไอโอที, คุณชาวีร์ อิสริยภัทร์ CTO บริษัท เน็กซ์พาย จำกัด และผู้แทนจากภาครัฐและเอกชน เข้าร่วมงาน ณ ห้อง 601 อาคารสราญวิทย์ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ปทุมธานี
ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค สวทช. กล่าวว่า “NETPIE (เน็ตพาย) เริ่มต้นจากโครงการวิจัยเล็กๆ ในเนคเทค ก่อนจะเติบโตเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่นักพัฒนา ครูอาจารย์ Maker และภาคเอกชนไทยนำไปต่อยอดใช้งานอย่างแพร่หลาย ในโอกาสครบรอบ 10 ปีของ NETPIE งานในครั้งนี้จึงจัดขึ้นเพื่อย้อนรำลึกถึงเส้นทางการพัฒนา IoT ของไทย พร้อมทั้งเปิดเวที ‘NETPIE & Friends’ เพื่อสะท้อนพลังของชุมชนผู้มีส่วนร่วมในการสร้างระบบนิเวศของเทคโนโลยี”
ภายในงานยังมีการเปิดตัว “Daysie” แพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดจากทีมเนคเทค ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการพัฒนาระบบ AIoT ที่ทำงานแบบเรียลไทม์ มีความปลอดภัย และสามารถประมวลผลได้ที่ Edge โดยตรง ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับศักยภาพของนักพัฒนาไทยให้พร้อมรับกับความท้าทายในอนาคต นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการเสวนาจากผู้เชี่ยวชาญ การแชร์ประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริง และเวิร์กชอปที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจทดลองใช้งาน Daysie ด้วยตนเอง “หวังว่าการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความรู้ ขยายเครือข่าย และจุดประกายแนวคิดใหม่ๆ ที่จะพา IoT ไทยก้าวไกลในยุค AIoT ต่อไป” ดร.ชัย กล่าวปิดท้าย
NETPIE แพลตฟอร์ม IoT ฝีมือคนไทย จุดเริ่มต้นสู่โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
ดร.พนิตา พงษ์ไพบูลย์ รองผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวว่า “การพัฒนาสิ่งที่คนไม่รู้จักเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในช่วงเริ่มต้นการพัฒนา NETPIE ด้วยเทคโนโลยีไอโอที (IoT) เป็นเรื่องใหม่มากในช่วงปี 2555-2556” NETPIE (Network Platform for Internet of Everything) คือแพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับการพัฒนา Internet of Things (IoT) สัญชาติไทย พัฒนาโดย ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. เพื่อให้การเชื่อมต่อและสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ IoT ง่าย รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผู้ใช้งานสามารถจัดการและควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์ผ่านแดชบอร์ด เพื่อประยุกต์ใช้ในการพัฒนาโซลูชันอัจฉริยะในหลากหลายภาคส่วน NETPIE เปิดให้บริการฟรีแก่สาธารณชนครั้งแรกในปี 2558 โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ที่รองรับการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ นวัตกรรม และผลิตภัณฑ์ด้าน IoT สำหรับทั้งนักพัฒนา ธุรกิจสตาร์ทอัป และภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการสร้างระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะโดยไม่ต้องลงทุนด้านระบบหลังบ้านเอง ด้วยความสามารถที่ครบถ้วนและใช้งานได้จริง NETPIE จึงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันระบบนิเวศ IoT ไทยให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยสามารถนำไปต่อยอดการใช้งานในหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการ เกษตรอัจฉริยะ ไปจนถึงเมืองอัจฉริยะ
เพื่อรองรับการใช้งานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและตอบโจทย์ความต้องการทางอุตสาหกรรม แพลตฟอร์ม NETPIE ได้ยกระดับสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ โดยทีมวิจัยและพัฒนาบางส่วนจากเนคเทค สวทช. ได้ก่อตั้งบริษัท เน็กซ์พาย (NEXPIE) จำกัด ขึ้น เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการ NETPIE อย่างมืออาชีพ โดยได้รับสิทธิในการใช้แพลตฟอร์ม NETPIE ภายใต้การอนุญาต (Licensing) จากเนคเทค สวทช. โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งานในระยะยาว พร้อมส่งเสริมการนำเทคโนโลยีไปใช้จริงในภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และการพัฒนาประเทศอย่างเต็มประสิทธิภาพ “นับเป็นก้าวสำคัญของ NETPIE จากโครงการวิจัยสู่การเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้าน IoT ที่พร้อมรองรับการใช้งานในระดับองค์กรและภาคเอกชนได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” ดร.พนิตา กล่าวเสริม
พลิกวิกฤตด้วย NETPIE
จากเสียงร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งในอดีตน้ำประปาไม่ไหล หรือไหลอ่อนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากระบบผลิตน้ำ ณ หน่วยบริการ อ.แม่วาง ขัดข้องหรือหยุดชะงัก จากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับหรือไฟฟ้ากระพริบ ด้วยหน่วยบริการ อ.แม่วาง เป็นสถานีผลิตน้ำขนาดเล็กอยู่ห่างไกลจากสำนักงานใหญ่ ประมาณ 60 กิโลเมตร ทำให้เจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานใหญ่ไม่ทราบสถานะของเครื่องจักรกล การเข้ามาตรวจสอบสถานะดังกล่าวจะเกิดขึ้นต่อเมื่อประชาชนร้องเรียนเข้ามา ทาง กปภ. สาขาเชียงใหม่ (พ.) จึงตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยีที่ดีและคุ้มค่าอย่าง เน็ตพาย (NETPIE) แพลตฟอร์มไอโอทีสัญชาติไทย “หลังจากที่เราได้นำ NETPIE มาประยุกต์ใช้สร้างนวัตกรรม สามารถลดข้อร้องเรียนในการแจ้งน้ำไหลอ่อนหรือน้ำไม่ไหลได้ เนื่องจากเรามีการผลิตน้ำที่ต่อเนื่องมากกว่าเดิม” คุณธีระพงษ์ ละออ วิศวกรงานผลิต กปภ. สาขาเชียงใหม่ (พ.) กล่าว
NETPIE ยกระดับสู่ AIoT หนุนภาคอุตสาหกรรมไทย
ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการเนคเทค กล่าวว่า “บ่อยครั้งที่ผมมักเปรียบเทียบว่า ข้อมูล (Data) เปรียบเสมือนเลือด AI คือสมอง และเซนเซอร์ คือประสาทสัมผัสทั้งห้า ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนต้องเชื่อมโยงกันผ่านเส้นเลือด และเส้นเลือดในระบบดิจิทัลก็คือแพลตฟอร์ม IoT หรือ NETPIE นั่นเอง ซึ่งได้ก้าวสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์และภาคอุตสาหกรรมอย่างเต็มรูปแบบผ่านบริษัท NEXPIE แล้ว ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ และเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในระดับโลก โดยเฉพาะเมื่อมีการผสาน IoT เข้ากับ Edge Computing และ AI ซึ่งเป็นแนวทางของ AIoT ที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบอัจฉริยะในอนาคต”
“Daysie” แพลตฟอร์ม AIoT ที่ใช้งานง่าย…ไม่เขียนโค้ด
ในโอกาสนี้ ดร.เอมอัชนา นิรันตสุขรัตน์ หัวหน้าทีมระบบไซเบอร์-กายภาพ (CPS) กล่าวว่า เนคเทค สวทช. ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ภายใต้ชื่อ “Daysie” แพลตฟอร์มช่วยสร้างแอปพลิเคชัน IoT สำหรับติดตั้งบนอุปกรณ์ Edge Computing โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเขียนโปรแกรมใดๆ ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับการพัฒนาแอปพลิเคชันในกลุ่มเทคโนโลยี AIoT (Artificial Intelligence of Things) โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสร้างแอปพลิเคชันได้โดยไม่ต้องมีพื้นฐานการเขียนโปรแกรม พร้อมดาวน์โหลดไปติดตั้งบนอุปกรณ์ Edge Computing ได้ด้วยตนเอง
จุดเด่นของ Daysie ไม่เพียงแต่ช่วยให้การสร้างแอป AIoT เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แต่ยังเปิดทางให้ อุปกรณ์ Edge Computing สามารถประมวลผลข้อมูลและตัดสินใจควบคุมอุปกรณ์อื่นได้โดยอัตโนมัติ ด้วยความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) อีกทั้งยังเชื่อมโยงและทำงานร่วมกับระบบ IoT ได้อย่างไร้รอยต่อผ่านแพลตฟอร์ม NETPIE
นับเป็นก้าวสำคัญของ สวทช. จากการเป็นผู้ให้บริการด้าน IoT มาสู่การผลักดันเทคโนโลยี AIoT อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อ กระจายการประมวลผลจากศูนย์กลาง (Cloud Computing) ไปยังจุดต่าง ๆ ในระบบผ่าน Edge Computing ซึ่งทำให้ระบบตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น มีความยืดหยุ่น และสามารถดำเนินงานได้แม้ในกรณีที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับคลาวด์
AIoT จึงถือเป็นการ “กระจายสมอง” ให้แทรกซึมในทุกองค์ประกอบของระบบ IoT เช่น ตัวอย่างการประยุกต์ใช้งานในสายการผลิต ที่อุปกรณ์ Edge Computing หนึ่งสามารถตรวจพบความผิดปกติในเครื่องจักร แล้วสื่อสารกับอุปกรณ์ Edge ตัวอื่นที่ควบคุมกระบวนการผลิตในช่วงก่อนหน้า เพื่อชะลอความเร็วให้เหมาะสม ลดของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพของระบบโดยรวม
ปัจจุบันแพลตฟอร์ม Daysie ถูกนำไปทดลองใช้งานในหลากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมเช่น การพัฒนาอุปกรณ์ตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ด้วยภาพถ่ายหรือเสียง การวิเคราะห์เสียงเครื่องจักรเพื่อตรวจหาความผิดปกติล่วงหน้า และงานอื่น ๆ ที่ต้องอาศัยการตัดสินใจจากข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่ปลายทาง
การเปิดตัว Daysie สะท้อนถึงทิศทางของ สวทช. ที่มุ่งมั่นผลักดันไทยให้เข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมอัจฉริยะ ด้วยเทคโนโลยีที่ผสานความง่ายในการใช้งาน เข้ากับความล้ำหน้าของ AI และการสื่อสารของ IoT อย่างสมบูรณ์แบบ
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “Daysie” ได้ที่ https://daysie.io/
