หน้าแรก | กิตติกรรมประกาศ | วัตถุประสงค์ | บทคัดย่อ | ขั้นรวบรวมข้อมูล | ที่มาและความสำคัญ | อัตชีวประวัติสุนทรภู่ | ผลการศึกษา | สรุปผลการศึกษา | ทีมงาน
 
 
 
 
     
ถึงวัดเทียนถวายบ้านใหม่ข้าม ก็รีบตามเรือที่นั่งมากลางหน
ถึงละลิ่วทิวเมฆเป็นหมอกมน สะพรั่งต้นตาลโตนดอนาถครัน
เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น
ระวังตนตีนมือระมัดมั่น
เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน ถ้าพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล
   
   

 
 

พระอุโบสถหลังที่ 3 ในวัดเทียนถวาย ด้านซ้ายคือพระอุโบสถหลังแรกมีอายุกว่า 600 ปี
ปัจจุบันวัดเทียนถวายอยู่ที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี เป็นวัดเก่าอายุ 661 ปี
สภาพทางภูมิศาสตร์เป็นวัดเก่าและโบราณจริง ๆ สถานที่และสิ่งก่อสร้างเก่ามาก ๆ มีโบสถ์เก่าอายุ เท่าวัด ต้นไม้โบราณมาก ต้นใหญ่ เช่น ต้นตะเคียน แต่ไม่ปรากฏต้นตาลโตนดตามที่สุนทรภู่กล่าวว่า

“สูงละลิ่วทิวเมฆเป็นหมอกมน สะพรั่งต้นตาลโตนดอนาถครัน”
   
ปัจจุบันไม่มีต้นตาลโตนดให้หลงเหลืออยู่มีแต่ที่โล่งเตียน จากการสอบถามชาวบ้านได้ทราบว่าต้นตาลที่หมดไปเพราะบริเวณนี้น้ำท่วม หลังจากการขุดคลองรังสิตทำให้เกิดน้ำวนและมีพื้นดินงอกเพิ่มขึ้น น้ำจึงท่วมเป็นประจำ ภายหลังจึงได้สร้างเขื่อนกั้นน้ำ แต่ก็ป้องกันไม่ได้ ต้นตาลจึงตายหมด
ที่โล่งเตียนในอดีตคือสิ่งที่สุนทรภู่กล่าวว่า “สะพรั่งต้นตาลโตนดอนาถครัน”
ที่วัดเทียนถวายมีประวัติกล่าวไว้ว่าพระเจ้าอู่ทองเป็นผู้สร้างและได้สร้างพระอุโบสถให้กับวัด มีพระประธานคือหลวงพ่อวัดป่าเลไลก์คู่กับวัด ปัจจุบันพระอุโบสถรากฐานแข็งแรงไม่เคยทรุดไม่เคยแตกมีแต่เสื่อมโทรมเท่านั้นและได้มีการบูรณะใหม่ วัดเทียนถวายมีอายุเก่าแก่กว่าวัดพระพุทธชินราชที่พิษณุโลก 4 ปี
พระอุโบสถอายุกว่า 600 ปี อยู่เคียงคู่กับวัดเทียนถวาย ปรากฏสถาปัตยกรรมเก่าแก่ให้ศึกษา
ผู้ให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับประวัติวัดเทียนถวาย
และได้กรุณาเปิดพระอุโบสถเก่าให้ศึกษาภายใน
ภายในพระอุโบสถด้านซ้ายคือ พระพุทธรูปหลวงพ่อวัดป่าเลไลก์
สถาปัตยกรรมเก่าแก่ควรศึกษา ที่พระอุโบสถ์
ภาพบรรยากาศท่าน้ำหน้าวัดเทียนถวาย
สุนทรภู่มีคำคมเปรียบเทียบความรักกับต้นตาลว่า
   
เจ้าของตาลรักหวานขึ้นปีนต้น ระวังตนตีนมือระมัดมั่น
เหมือนคบคนคำหวานรำคาญครัน ถ้าพลั้งพลันเจ็บอกเหมือนตกตาล
สำหรับคนไทยแล้วย่อมรู้จักและคุ้นเคยกับกลอนบทนี้ดี เพราะเป็นกลอนที่มีความเปรียบและเล่นคำได้ไพเราะมาก